วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

ระทึก..วันสิ้นโลก

ระทึก..วันสิ้นโลก



เรื่อง ขอให้มีการศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัว

กราบเรียน ประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร (นายนพดล พลเสน)

สิ่งที่ส่งมาด้วย
๑. เอกสารแปลจากสำนักข่าวอินเดียเดลี่ วันที่ 1 มีนาคม 2548 เรื่อง แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในโลกและดวงอาทิตย์ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษยชาติในปี ค.ศ. ๒๐๑๒
๒. เอกสารแปลจากบทความต่างประเทศ เรื่อง การเคลื่อนตัวของขั้วแม่เหล็กโลก และการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกในปี ค.ศ. ๒๐๑๒

ด้วยกระผมนายเอกอิสโร วรุณศรี ได้มีโอกาสรับทราบข้อมูลจากทางอินเทอร์เนต ซึ่งได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่าขั้วแม่เหล็กโลกพลิก (Magnetic Pole Reversal) ซึ่งจากการที่ได้ศึกษาจากเว๊บไซต์ต่างๆ พบว่า เรื่องดังกล่าว มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้จริง ทั้งมีสถาบัน หรือองค์กรที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เช่น องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ออกมายืนยันถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวที่จะเกิดขึ้นใน ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ หรือ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่จะถึงอันใกล้นี้ ซึ่งหากท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ จะได้พิจารณาจาก เอกสารที่กระผมส่งมาด้วยนี้ ซึ่งเป็นแต่เพียงข้อมูลเพียงส่วนน้อย ที่กระผมจะสามารถแปลจากภาษาต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก และไม่สามารถนำมาเสนอได้ทั้งหมด จะเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั้งโลก

แต่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่ในประเทศไทยเองกลับไม่มีการกล่าวถึงปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในแวดวงนักวิชาการ ทั้งที่ผลกระทบข้างเคียงในระหว่างกระบวนการที่จะเกิดการพลิกตัวของขั้วโลก จะส่งผลต่อสภาวะแวดล้อม รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งอาจจะต้องเผชิญกับอุบัติภัยต่างๆ มากมาย ดังที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นลมพายุรุนแรง ภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม หรือบางพื้นที่เกิดความแห้งแล้ง รวมทั้งแผ่นดินไหว ล้วนแล้วแต่เป็นผลเกิดจากกระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กโลกเกิดการเคลื่อนตัว และจะนำไปสู่การพลิกตัวของขั้วแม่เหล็กในที่สุด

กระผมจึงใคร่ขอเสนอต่อท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ เพื่อเชิญหน่วยงาน และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ เพื่อที่จะนำไปสู่การศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวดังกล่าว และแจ้งให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบ หากจะนำมาซึ่งการเผชิญกับภัยพิบัติที่อาจมีขึ้นตามมา

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
นายเอกอิสโร วรุณศรี)

แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในโลกและดวงอาทิตย์ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษยชาติในปี คศ. 2012

1 มีนาคม 2548
จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่ม นักธรณีฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่าทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี คศ. 2012

โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์ จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี คศ. 2012

การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือ และขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยเกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งแรงดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าหากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นควบคู่ไปพร้อมกับการสลับขั้วของดวงอาทิตย์ที่จะมีขึ้นในทุกๆ 11 ปี ในปี คศ. 2012 แล้ว ปัญหาอันใหญ่ยิ่งจะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติสมัยใหม่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นนี้ยังไม่เคยได้มีการการบันทึกไว้ จะมีก็แต่เพียงแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่จะสามารถทำนายผลลัพธ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นได้ เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคง แต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์

แต่จากแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของ Hyderabad กลับพบว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์นั้น สามารถที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างรุนแรงที่มากไปกว่าแค่การทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์เท่านั้น พวกนกที่อพยพย้ายถิ่นอยู่ตามฤดูกาลจะสูญเสียประสาทสัมผัสในการกำหนดทิศทางและอื่นๆ ตามมาอีก เช่น
- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์จะอ่อนแอลง
- โลกจะประสบกับการเพิ่มความถี่ของการเกิดภูเขาไฟระเบิด, การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก, แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม ที่จะมีมีสูงขึ้นกว่าปรกติ
- สภาวะความเป็นแม่เหล็ก (Magnetosphere) ของโลกจะอ่อนตัวลง และการแผ่รังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณขึ้น และก่อให้เกิดอันตรายจากการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น มะเร็งและอื่นๆ อีก ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
-กลุ่มเทหวัตถุในอวกาศขนาดใหญ่จะถูกดึงดูดเข้ามายังโลกอย่างมากมาย
-แรงดึงดูดของโลกจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

ถ้าคุณรวมเอาเหตุการณ์ความน่าจะเป็นที่จะเกิดการทำลายล้างเหล่านี้ทั้งหมดมาผนวกรวมกันแล้ว คุณก็จะสามารถอธิบายสิ่งที่คุณจะมองเห็นด้วยคำง่ายๆ ว่า โลกอาจจะไม่ใช่ที่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษยชาติในปี คศ. 2012 และผู้คนทั้งหลายผู้ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นผิวโลกหรือใกล้กับพื้นผิวโลก สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้ผิวโลกที่ลึกลงไปเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่รอด

โดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการที่จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาตินี้ คงเป็นเวลาอีกหลายล้านปีถัดจากนี้ เราจึงจะได้เห็นรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่หรือมีความชาญฉลาด ที่จะกลับมาครอบครองบนพื้นผิวโลกอีกครั้ง เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเหมือนดังเช่นที่ได้เคยเกิดขึ้นในห้วงที่เกิดคลื่นสึนามิ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกงงงวย และเฝ้าจ้องมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างคิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แล้วในที่สุดมันก็พัดพาเราออกไปสู่ท้องทะเล

ถ้าแบบจำลองนี้ถูกต้องแม่นยำ นั่นหมายถึงว่าหนทางเดียวเท่านั้นสำหรับพวกเราที่จะอยู่รอดเพื่อที่จะรักษาอารยธรรมของเราเอาไว้ต่อไป นั่นก็คือการลงไปอาศัยอยู่ใต้พื้นผิวโลกหรือไม่ก็อพยพเคลื่อนย้ายไปอาศัยยังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับดาวอังคารเมื่อย้อนหลังไปหลายล้านปีที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวที่ไม่ปรกติของผู้มาเยือนจากนอกโลกหมายถึง UFO ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าอาจมีใครบางคนจากนอกโลกรู้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ อาจบางทีพวกเขาอาจจะกำลังจะพยายามที่จะช่วยเหลือพวกเราอย่างเงียบๆ ด้วยการจำลองภาพเหตุการณ์เพื่อเป็นการบอกเตือน หรือแม้แต่ย้ายพวกเราไปยังจุดหมายปลายทางที่ไหนสักแห่งที่เราไม่อาจรู้ได้.


ที่มา
http://www.horasadthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=364604

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม