วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มหาภัยพิบัติ 2012 มาจริง เกิดจริง...21-12-2012 ...วันหายนะของมนุษยชาติ

มหาภัยพิบัติ 2012 มาจริง เกิดจริง...21-12-2012 ...วันหายนะของมนุษยชาติ...!!!!!!!

ผู้ที่เปิดเผยและน่าเชื่อถือที่ล้วนกล่าวถึงมหาภัยพิบัติว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนที่สุด...
๑.จารึกคำทำนายของพระพุทธเจ้าที่อินเดียกล่าวถึงกาลวิบัติหลังกึ่งพุทธกาลอย่างชัดเจนhttp://www.watkaokrailas.com/index.php?mo=3&art=41902979
๒.หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร
๓.พระอาจารย์รัตน รัตนญาโน วัดดอยเกิ้ง แม่ฮ่องสอน ...แต่วันดังกล่าวพระอาจารย์จะไปอยู่ที่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่..
๔.หลวงปู่สังวาลย์เขมโกบอกหลวงพ่อสนองกตปุญโญไว้
๕.หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูลบอก ลพ.ลมัยไว้ที่มา : พระครูจันทธรรมานุโยค (ลมัย จันทโร) เจ้าอาวาสวัดโคกตาเขียว อ.สังขละ จ.สุรินทร์ ได้เล่าให้กับนิตยสารลานโพธิ์
๖.ปู่อินทร์ตาทิพย์ ณ วัดเขาภูตำแย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา อายุ 109 ปี
๗.หลวงปู่ประเสริฐ
๘.อาจารย์ปฐมมรรค พุทธธรรมจักร เป็นผู้เดียวที่ทำนายเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554ได้อย่างชัดเจนที่สุด( อยู่ในเฟสบุ๊ค)
บุคคลทั่วไป
๑.ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรองค์การนาซ่า
๒.อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่าhttp://mekaje.wordpress.com/2011/03/13/%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-2012-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8
๓.ดร.อาจอง ชุมสายฯ
๔.ดร.สมิทธิ์ ธรรมสโรส
๕.ดรงเทพพนม เมืองแมน ผู้สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว
๖.นายไมเคิล กอร์ดอน สแกลอน ฝั่งที่เขียนแผนที่โลกใหม่
๗.นักวิทยาศาสต์ต่างประเทศอีกหลายท่าน ที่จะเปิดเผยต่อไป

องค์กร
๑. ชาวมายัน เปิดเผยปฏิทินสิ้นโลก 21-12-2012
๒.มนุษย์ต่างดาว ในรูปแบบของ วงธัญพืช หมื่นกว่าแห่งและจานบิน รวมทั้งสื่สารผ่านมนุษย์มากมาย
๓.พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลกฉบับเชียงดาวที่กล่าวถึงการมหาภัยเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น สองดวง

โหราศาสตร์
๑.อาจารย์ปฐมมรรค พุทธธรรมจักร
๒.หมอดูอีทีชาวพม่า

รายการวิทยาศาสต์และจิตวิญญาน..วิทยากร ..คุณแอนดอฟนักจิตวิญญานชาวมาซิโดเนียพูดไว้ เมื่อปีที่แล้ว

ยินดีต้อนรับท่านผู้ชมที่รู้แจ้งเห็นจริงสู่รายการวิทยาศาสตร์และจิตวิญญานในสัปดาห์มีแขกรับเชิญเป็นนักค้นคว้าทางจิตชาวมาซิโดเนียนคุณแอนดอฟซึ่งเป็นนักมังสวิรัติด้วยมาสื่อสารให้พวกเราได้ฟังซึ่งได้เผชิญกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวและยานต่างดาวมาแล้วซึ่งได้แบ่งปันไปบางแล้วในครั้งที่แล้ว วงจรธัญพืชที่มีมากมายในทุ่งนาได้แสดงถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในตอนนี้คุณแอนดอฟกล่าวว่าวงธัญพืชต่างๆ เป็นการจัดเตรียมอย่างน่าทึ่งของรูปแบบทางเรขาคณิตอันน่าประทับใจที่ปรากฏตัวอย่างลึกลับหลายคนเชื่อว่าสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้เป็นข้อความจากสิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกอื่น ในเรื่องสองตอนชุดนี้คุณแอนดอฟจะอธิบายความหมายการออกแบบ Crop Circleที่หลากหลายและสนทนาการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่นี้ เขาพูดกันว่าโลกของเราและมนุษยชาติจะประสพจุดจบในปี 2012 ...เป็นต้นไป ( ต่อเนื่องไปอีกหลายปี )..คุณแอนดอฟกล่าวว่า อยากจะให้ข้อมูลที่น่าทึ่งถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดในปี2012-2013ที่ได้รับจากมนุษย์ต่างดาวที่อยากช่วยเรา ข้อมูลล่าสุดจากนาซ่าซึ่งมีเครื่องบินไอพ่นอวกาศ กล้องส่องอวกาศที่ได้บันทึกภาพตามความเป็นจริงของแกแล็กซี่ทางเชืกเผือกที่มีระยะทาง 25,000 ล้านปีแสงในทุกทิศทุกทางระนาบของแกแล็คซี่ ดังนั้นในวงจรธัญพืชเช่นนี้คุณเห็นแหล่งกำเนิดของพลังงานนั้นกำลังแผ่พุ่งไปที่ขอบและพลังงานตอนนี้รวดเร็วอย่างยิ่ง พลังงานนี้ใหญ่โตและเข้ามาใกล้พวกเราแล้ว เกือบมาถึงแล้ว เป็นเรื่องในแกแล็คซี่ทางช้างเผือก เมื่อพลังงานพวกนี้มาถึง มันจะพุ่งชนดวงอาทิตย์ที่จะเกิดสภาวะดาวยักษ์สีแดง( Red Giant Phase ) คลื่นของพลังงานนี้มีความร้อนสองสามล้านองศาเซลเซียส พลังงานนี้ยังมีแรงดึงดูดคลื่นแม่เหล็กอย่างสูงมาก แต่ดวงอาทิตย์มีความร้อน6,000 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อพลังงานนี้วิ่งเข้ามาชนพลาสม่าที่ผิวดวงอาทิตย์แล้ว มันจะเพียงพอที่ดวงอาทิตย์จะขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ที่เรียกว่า เป็น"สภาวะดาวยักษ์สีแดง"( Red Giant Phase ) ซึ่งได้ปรากฏใน crop circles ที่ได้เห็นแล้ว โดยปรกติพระอาทิตย์แผ่ความร้อนโดยการเปลี่ยนไฮโดรเจนที่แกนกลางไปสู่กระบวนการฮีเลี่ยม ที่เป็นการรวมกันของนิวเคลียร์ ลักษณะเฉพาะของดวงอาทิตย์เหมาะมากเพื่อทำให้โลกเกิดความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืน ครั้งหนึ่งที่ไฮโดรเจนที่แกนกลางของดวงอาทิตย์หมดสิ้นไป ซึ่งกระบวนการปรกตินั้นใช้เวลา 5,000 ล้านปี แกนกลางจะเริ่มหดตัว...แล้วล่มสลาย ( ดวงอาทิตย์ในภาวะทั่วไปเกิดระเบิดเมื่อหมดอายุแล้ว ใช้เวลา 5,000ล้านปี )และปลดพลังแรงดึงดูดของโลกที่เคยมีอยู่ ก่อให้เกิดการขยายและเปลี่ยนรูปดวงอาทิตย์ไปสู่ ช่วงดาวยักษ์สีแดง...เมื่อจบขบวนการลง...ดวงอาทิตย์จะเล็กลง เย็นขึ้น ที่เรียกกันว่า ดาวแคระขาว " White Dwarf " คุณแอนดอฟได้มุ่งมั่นที่จะวิเคราะห์ Crop Circles ซึ่งภายหลังจากการมาถึงของพลังงานดังกล่าว ลักษณะการปรากฏตัวของ ดาวแคระขาว " White Dwarf " จะเกิดขึ้นภายใน หนึ่งเดือนนี่เป็นภาพใกล้ๆของ Crop Circles ที่กำลังส่งผ่าน"สภาวะดาวยักษ์สีแดง"( Red Giant Phase ) หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของ Crop Circle อันนี้ปรากฏเมื่อ 15 กค. 2008 ที่เอฟบูรี่ แมเนอร์ ในเครือสหราชอาณาจักร อังกฤษ มันเป็นการบรรยายของระบบสุริยะของพวกเรา ดาวเคราะห์ทั้งหมด ด้วยการเบี่ยงเบนเพียงเล็กน้อย ดาวพลูโตไม่อยู่ในที่เดิมแล้ว ในการคำนวณตำแหน่งของดาวเคราะห์ทั้งหมด ของสุริยจักรวาลนั้นตรงกันกับที่ Crop Circle ที่ปรากฏขึ้นที่อังกฤษในเหตุการณ์ที่จะเกิดในวันที่ 23 ธค. 2012 มันมีคำอธิบายอันอื่นอีก อย่างที่ เมื่อ 29 มีค. 2011 ที่มีปรากฏการณ์อันหน้าทึ่งเหนือท้องฟ้า นิวซีแลนด์เมื่อผู้คนกำลังจะวิเคราะห์ดวงดาวเหล่านั้นและ จับคู่กับ 23 ธค. 2012 ส่วนCrop Circleนี้เป็นรูปแมลงปอ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ และนกฟินิกซ์ซึ่งเป๋นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด มันมีอายุยืนยาวและแข็งแรงมากและเมื่อจะหมดอายุขัยมันจะเผารังตัวเองจนตัวไหม้เป็นเถ้าถ่านและจากเถ้าถ่านนั้นมันจะกำเนิดขึ้นมาใหม่....นี่เป็นสัญญลักษณ์ว่า พระอาทิตย์กำลังจะดับสูญและเกิดขึ้นใหม่...อีกครั้งเหมือน "สภาวะดาวยักษ์สีแดง"( Red Giant Phase ) ที่ยอมรับในทางวิทยาศาสตร์!!!!!...อะไรจะเกิดขึ้นกับโลกเมื่อมาถึงจุดนี้...คุณแอนดอฟกล่าวว่า โลกเราจะขยายอย่างช้าๆโดยเริ่ม 23 ธค. 2012 และถึงจุดสูงสุดในวันที่ 28 มีค. 2013 พระอาทิตย์จะกลืนกินดาว พุธและ ดาวศุกร์อย่างสิ้นเชิง...!!! ส่วนโลกและดาวพระอังคารจะอยู่ใกล้ชิดดวงอาทิตย์อย่างน่ากลัวอันตราย...การส่งผ่านพลังงานดังกล่าวจากศูนย์กลางแกแล็คซี่มาสู่ดวงอาทิตย์นั้น จะกระทบทั้งสุริยจักรวาลด้วย พลังงานนี้จะแผ่กระจายไปสู่ดาวเคราะห์ทุกดวงในสุริยจักรวาล จะทำลายชั้นบรรยากาศเพราะเมื่อพลังงานสองสามล้านองศาฯกระทบบรรยากาศโลกที่ 1,500 องศาเซสเซียส ...บรรยากาศของโลกเราก็จะโดนทำลายโดยย่อยยับ...!!!ดวงอาทิตย์เรามีดาวคู่แฝดที่อยู่ขอบของสุริยจักรวาล เมือ่ดวงอาทิตย์กลายเป็น ดาวแคระขาว " White Dwarf " แล้ว ดาวสองดวงเหล่านี้...เป็นความจริงที่ว่าเรามีดวงดาวคู่แฝดโคจรรอบๆดาวของเราด้วย (...ดาวนิบิรุ..อจ.มรกตฯ ) และดาวนี้จะโดนพลังงานดังกล่าวพุ่งเข้าชนด้วย ซึ่งกลายเป็น ดาวแคระขาว " White Dwarf " ไปด้วย และ ดาวแคระขาว " White Dwarf " สองดวงนี้จะดึงดูดกันและโคจรรอบๆกันและจะชนกันอย่างรุนแรงซึ่งเมื่อชนกันแล้ว จะได้ดาวดวงใหม่ที่ใหญ่กว่าและสามารถผลิตแสงสว่างและความร้อนให้โลกเราได้ใช้ แม้ว่าจะสว่างและร้อนน้อยกว่าปัจจุบันที่มีอยู่...ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับโลกมนุษย์ในการอยู่อาศัย...!!!คุณแอนดอฟเชื่อว่า พลังงานดังกล่าวที่พุ่งมายังโลก อาจไม่เกิดอันตรายรุนแรงต่อเรา หากเราช่วยกัน นั่งสมาธิร่วมกันเป็นล้านๆคน และเลิกการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต..มากินมังสวิรัติแทน...มนุษย์ก็อาจอยู่รอดได้มากขึ้น...
สรุปคำอธบายของคุณแอนดอฟ
๑.พลังงานขนาดมหึมาได้พุ่งมาจากแกนกลางแกแล็คซี่( แอนโดรเมด้า) มีความร้อน 2-3 ล้านองศาเซลเซียส จะเข้าปะทะสุริยจักรวาลในวันที่ 23 ธค. 2012 และดาวนิบิรุพร้อมทั้ง ดวงดาวทุกดวงในสุริยจักรวาล
๒.ดวงอาทิตย์จะเกิดการเคลื่อนที่ได้เองโคจรไปสู่...แกแล็คซี่แอนโดรเมด้า
๓. ดวงอาทิตย์จะระเบิดอย่างรุนแรงและกลายเป็น ดาวแคระขาว " White Dwarf " พร้อมทั้ง ดาวนิบิรุ ที่เป็น ดาวแคระขาว " White Dwarf " เช่นเดียวกัน
๔.ดวงอาทิตย์และนิบิรุจะโคจรรอบกันและกันเพราะแรงดึงดูดมหาศาล กระทั่งชนกันเองกลายเป็นดาวดวงใหญ่ที่ผลิตแสงสว่างได้อีกครั้ง...แม้ว่าไม่เท่าเดิมที่เคยได้
๕. ดาวพุธและดาวศุกร์จะหายไป...โดยสิ้นเชิง
๖. โลกเราและดาวอังคารยังคงอยู่ด้วย...วงโคจรที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นและย้ายไปอยู่แกแล็คซี่แอนโดรเมด้า (เดิมอยู่ที่แกแล็คซี่ทางช้างเผืก)
๗.ชั้นบรรยากาศทั้งหมดของโลกเราโดนพลังงานดังกล่าว ทำลายลงทั้งหมด
๘.โลกจะหยุดหมุนและเอียง 90 องศาเกิดขั้วโลกใหม่ที่สฟิงซ์

สิ่งที่จะเกิดตามมาของมนุษยชาติ
๑.มนุษยชาติจะเผชิญ ความร้อน - คลื่นแม่เหล็ก-ดาวขนาดใหญ่ ...ที่ตกลงมาบนโลกอย่างมากมาย...ทำให้เกิด แผ่นดินไหว อย่างรุนแรงที่สุด สึนามิมหึมา ภูเขาไประเบิด ทั้งจากคลื่นความร้อนคลื่อนแม่เหล็กที่เข้ามา และจากการที่โลกหยุดหมุน และเอียง 90 องศา น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายหมด น้ำมหาสมุทรจะถาโถมเข้าสู่พื้นดินทั้งโลก
๒.ทำให้แกนโลกพลิกกลับ 90 องศา ขั้วโลกเหนืออยู่มี่สฟิงค์ ไทยเราอยู่ในเขตหนาวขี้น และอยู่ทางขั้วโลกใต้
๓.มนุษยชาติจะได้เห็นการระเบิดของดาวพุธ ดาวศุกร์ การระเบิดของดวงอาทิตย์ การระเบิดของ นิบิรุ การชนกันของอาทิตย์และนิบีรุ ซึ่งทำให้เกิด แสงส่วาง เสียง และคลื่นแม่เหล็กกระจายออกมาอย่างมากมายมหาศาล
๔.โลกจะตกอยู่ในความมืดระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจากคำอธิบายนี้ จากที่ดวงอาทิตย์กลายเป็น ดาวแคระขาว " White Dwarf " แล้ว ก็หมดแสงสว่างไปโดยสิ้นเชิง และจะเกิดดาวดวงใหม่ที่มีแสงส่วางขึ้น ใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๑ เดือน หรือมากกว่า ...!!!
๕.จะเกิดไฟไหม้บ้านเมืองและป่าไม้อย่างมหาศาล ถนนราดยางมะตอยอย่างในประเทศไทยจะละลายทั้งหมด ผู้คนต้องทิ้งรถยนตร์เพราะไม่มีถนนให้ไป
๖.จะเกิดโรคร้ายต่างๆ โรคระบาด จากซากศพ มนุษย์และสัตว์ที่ตายหลายพันล้าน กลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว รวมทั้งโรคมะเร็งที่ผิวหนังที่เกิดจากคลื่นความร้อน
๗.เกิดการเปลี่ยนแปลงของ DNA ทั้งคนสัตว์พืช กลายพันธ์ไปหมด
๘.มนุษย์ที่อดอยากไม่มีอาหารและที่อยู่จะออกปล้นสะดมภ์ ไปทั่ว
๙.จะเกิดน้ำท่วมโลกอย่างมโหฬาร ที่อาจสูงถึง ๑ กิโลเมตร และค่อยๆลดลงมา เมืองเกาะส่วนใหญ่จะหายไปเกือบหมด ชายฝั่งทะเลจะโดนทำลายจนสิ้นซาก

คำอธิบายของคุณแอนดอฟข้างบนนี้ ใกล้เคียงกับคำพูดของดร.ก้องภพ ที่พยายามบอกว่า มีพลังงานบางอย่างกำลังพุ่งเข้ามาที่โลกเรา...และจะเกิดแสงสว่าง เสียง ความร้อน อย่างรุนแรงที่สุดที่มนุษยชาติทุกคนไม่เคยได้ยินมาก่อน...นอกจากนี้ยังตรงกับ คำพูดของท่านพระอาจารย์ รัตน์ รตนญาโณ ที่กล่าว ถึงแสงส่างและเสียงดังกล่าว โดยรับทราบได้ทางฌานสมาธิแต่ตรงกับของดร.ก้องภพ วิศวกรนาซ่า ที่รู้จากข้อมูลวงในของนาซ่า ( แต่พูดมากไม่ได้ )- ส่วนการอธิบายของพระอริยสงฆ์อื่นอีกหลายองคืก็น่าเชื่อถือและเป็นไปในทำนองเดียวกันทั้งหมด ส่วนข้อมูลอื่นๆที่มีในอินเตอร์เน็ต เรา ( อจ.มรกตฯ) ไม่ได้เชื่อถือทั้งหมด หรือเชื่อได้เป็นบางส่วนเท่านั้น...นอกจากสองท่านดังกล่าวนามมาแล้วและพระสงฆ์บางองค์เท่านั้น

คุณเตรียมตัวกันบ้างหรือยัง ??????? รีบๆหน่อยนะ ก่อน ที่ทางราชการจะประกาศอันตรายและทุกสิ่งทุกอย่างจะลำบากวุ่นวายไปทั้งโลก...

ที่มา
http://www.facebook.com/Prof.Morakot

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม