10 สุดยอด ปรากฏการณ์ "UFO"
เรื่องราวของยูเอฟโอ (UFO : Unidentified Flying Object)
วัตถุบินปริศนายังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจของคนทั่วโลกอย่างไม่เสื่อมคลาย
ย้อนกลับไปในปี ๑๙๔๗ เมื่อนักบินเอกชนชื่อนายเคนเนธ อาร์โนลด์ (Kenneth Arnold)
ได้อ้างว่าเขาได้เห็นยูเอฟโอปริศนาบินด้วยความเร็วสูงใกล้เหนือยอดเขาเรนเนียร์
(Mount Rainer) รัฐวอชิงตัน เขากล่าวว่ารูปร่างเหมือน “จานร่อนบิน”
หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็รายงานมากมายที่อ้างพบเห็นยูเอฟโอรูปร่างจานบินปรากฏตัวมากมายทุกมุมโลก
อีกทั้งหลายเหตุการณ์ยังเต็มไปด้วยลึกลับและน่าพิศวง และนี้คือ ๑๐
สุดยอดเหตุการณ์ประหลาดของยูเอฟโอดังกล่าว
VIDEO อันดับ ๑๐ ไฟฟินิกซ์ (The Phoenix Lights)
ไฟฟินิกซ์ ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ปรากฏยูเอฟโอที่มีชื่อเสียง
เนื่องจากมีพยานหลายคนจำนวนมากพบเห็นยูเอฟโอ
และมีการถ่ายวีดีโอเทปจำนวนมากมายและปรากฏในช่องสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น
เรื่องเริ่มต้นขึ้นในช่วงใกล้ค่ำ
ของวันที่ ๑๓ มีนาคม ๑๙๙๗
เมื่อมีพยานหลายพันคนต่างพบเห็นวัตถุประหลาดบินได้ลึกลับที่ขนาดใหญ่พอๆ
เครื่องบินโบอิ้ง ๗๔๗ ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าในเมือง รูปร่างลักษณะคล้ายรูปตัววี
มีดวงไฟสีแดงหรือสีส้มส่อง ๕ ดวงอยู่ข้างใต้ยาน บินอย่างช้าๆ เงียบๆ
ผ่านหลายเมืองในรัฐอาริโซน่า สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะหายไปที่เมืองฟินิกซ์ (Phoenix)
ซึ่งเป็นจุดที่เป็นพื้นที่กองทัพอากาศ รวมระยะเวลาปรากฏยาวนานกว่า ๓ ชั่วโมง
(ตั้งแต่ ๑๙.๓๐ น. ถึง ๒๒.๓๐ น.)
หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้คนมากมายสอบถามเรื่องดังกล่าวทางสื่อทุกแขนง
ซึ่งทางฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ
ก็ได้ออกมาแถลงการณ์กล่าวอ้างว่าแสงไฟสีอำพันลึกลับซึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าดังกล่าวเป็นเพียงเครื่องบินรบ
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมบินของทางกองทัพเท่านั้น
แน่นอนประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ
แต่กระนั้นก็ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ว่าคืออะไร?
และยังคงถกเถียงจนถึงทุกวันนี้
VIDEO อันดับ ๙ โคลาเรสยูเอฟโอบิน (The Colares UFO
flap)
ประเทศบราซิลถือว่าเป็นอีกประเทศหนึ่ง
ที่มีรายงานการปรากฏตัวของยูเอฟโอที่แปลกประหลาด มากมายอยู่บ่อยครั้ง
และหนึ่งในรายการนั้นจะต้องมีเหตุการณ์ยูเอฟโอที่โคลาเรสรวมอยู่ด้วย
โคลาเรสยูเอฟโอบิน
เป็นเหตุการณ์การปรากฏตัวของยูเอฟโอเกิดขึ้นที่เกาะโคลาเรส (Colares)
ทางเหนือของประเทศบราซิล ในปี ๑๙๙๗ รูปร่างยูเอฟโอไม่แน่ชัด บ้างก็ว่ามีขนาดเล็ก
บ้างก็ว่าใหญ่ รูปซิการ์ ไปจนถึงจานร่อง ส่องแสง ไม่ส่องแสง
แต่สิ่งที่แปลกกว่าเหตุการณ์การปรากฏตัวยูเอฟโอทั่วไปก็คือ
มีพยานหลายคนจากหลายหมู่บ้านอ้างว่าพวกเขาถูกยูเอฟโอดังกล่าวจู่โจมด้วยการฉายรังสีที่มีความเข้มข้นสูงเข้าใส่
ทำให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวประมาณ ๓๕ คน
จากผลวินิจฉัยของด็อกเตอร์เวลเอด คาร์วัลโญ่ (Dr Wellaide Carvalho)
ที่เขามารักษาผู้ป่วย พบว่า ผู้บาดเจ็บมีอาการผิวหนังไหม้และมีบาดแผลเหมือนถูกแทง
ซึ่งเกิดจากรังสีเป็นพิษ นอกจากนี้ผู้ป่วยยังเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ, เหนื่อยล้า,
ความดันดันโลหิตต่ำ, โลหิตจาง และผมร่วงถาวรที่บริเวณที่ผิวหนังไหม้
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทางรัฐบาลบราซิลจัดตั้งทีมงานเพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ
แต่ปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าสิ่งที่โจมตีและทำร้ายชาวบ้านเกาะโคลาเรสในวันนั้นคืออะไรกันแน่?
VIDEO อันดับ ๘ ศึกลอสแอนเจลิส(The Battle of
Los Angeles)
กรุณาอย่าเข้าใจผิดว่ามันเป็นชื่อภาพยนตร์ดังเรื่อง The Battle
of Los Angeles (2001) หากแต่ศึกลอสแอนเจลิสนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
เมื่อสหรัฐ ฯ ทำศึกกับยูเอฟโอจริงๆ
โดยเราไม่สามารถอธิบายได้ว่ายูเอฟโอดังกล่าวคืออะไรกันแน่?
ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ฐานทัพเรือเพิร์ล
ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) และ แอลวูด( Ellwood) ถูกฝ่ายอักษะญี่ปุ่นโจมตีจนย่อยยับ
ส่งผลทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ ๒
และเตรียมกับพร้อมรับมือบุกโจมตีของญี่ปุ่นเข้มงวดขึ้น จนกระทั้งในคืนของวันที่ ๒๔
-๒๕ กุมภาพันธ์ ๑๙๔๒ เวลาประมาณ ๒:๒๕ น. ที่ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย จู่ๆ
ก็มีฝูงยูเอฟโอรูปทรงกลมเรืองแสงปรากฏตัวเหนือน่านฟ้าของเมือง
สัญญาณเตือนไซเรนดังไปทั่ว
ทำให้พยานหลายคนในตอนนั้นตื่นมาเพื่อออกมาดูการปรากฏตัวของฝูงยูเอฟโอลึกลับดังกล่าว
ตอนแรกทางกองทัพเชื่อว่าเป็นเครื่องบินรบของฝ่ายอักษะญี่ปุ่น
ทำให้มีการใช้ปืนต่อสู้อากาศยานระดมยิงตอบโต้ทันที กว่า ๑,๔๐๐ นัด หลังสิ้นเสียงปืน
ผลปรากฏว่าอาวุธของพวกเขาไม่สามารถทำอันตรายกับฝูงยูเอฟโอดังกล่าวได้เลย
อีกทั้งสะเก็ดของกระสุนปืนได้ตกลงบนพื้นดินทำลายบ้านเรือนและมีผู้เสียชีวิตจากลูกหลงจากเหตุการณ์ดังกล่าวหลายราย
ก่อนที่ยูเอฟโอจะหายอย่างลึกลับ ในเวลาต่อมา
ทางการสหรัฐออกแถลงการณ์ปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามันไม่ใช่ยูเอฟโอจากนอกโลก
หากแต่เป็นเพียงสัญญาณเตือนผิดพลาดซึ่งเป็นผลจากสงครามประสาทของฝ่ายศัตรูเท่านั่น
VIDEO อันดับ ๗ คลื่นยูเอฟโอเบลเยียม(The
Belgian UFO Wave)
คลื่นยูเอฟโอเบลเยียม
เป็นเหตุการณ์การปรากฏตัวของยูเอฟโอประหลาด ในระหว่างฤดูหนาวของวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน
๑๙๘๙ กับฤดูใบไม้ผลิ วันที่ ๓๐ มีนาคม ๑๙๙๐ ของประเทศเบลเยียม
ในวันนั้น
มีการพบคลื่นเรดาร์ประหลาดในช่วงกลางคืน
พร้อมกับการปรากฏตัวของยูเอฟโอทรงสามเหลี่ยมหรือไฟสามดวงอยู่แต่ละมุมเคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้าในกรุงบรัสเซลล์
(Brussels) ต่อมามันก็ปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าต่อตาประชาชนกว่า ๑๓,๕๐๐ คน ให้พบเห็น
เมื่อทางการเบลเยียมรับรายงานดังกล่าว จึงได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 ออกไปสังเกตการณ์
และพยายามล็อกเป้าหมายโจมตียูเอฟโอลำดังกล่าว(สามครั้ง) แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ
เพราะสัญญาณเครื่องบินถูกรบกวน
ก่อนที่ยูเอฟโอนั้นจะหายไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อชนิดที่เรียกว่าไม่มีเครื่องบินลำไหนบนโลกจะสามารถทำแบบนี้ได้
VIDEO อันดับ ๖
เหตุการณ์ยูเอฟโอที่วาร์จินยา(Virginal UFO
Incident)
ไม่มีเหตุการณ์เผชิญหน้ามนุษย์ต่างดาวใดที่เต็มไปด้วยความพิศวงและแปลกประหลาดน่าสนใจต่อใครหลายคนมากเท่าเหตุการณ์ยูเอฟโอที่วาร์จินยา
ในประเทศบราซิลอีกแล้ว
เหตุการณ์ยูเอฟโอที่วาร์จินยาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน
เมืองวาร์จินยา(Virginal) เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๑๙๙๖
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีพยานหลายคนพบยูเอฟโอรูปร่างเหมือนเรือดำน้ำเหนือน่านฟ้า
ต่อมาก็มีรายงานจากชาวเมืองและเจ้าหน้าที่แจ้งมาว่าพวกเขาได้พบสัตว์ประหลาดบนท้องถนน
โดยสิ่งมีชีวิตดังกล่าวรูปร่างผอม สูงประมาณ ๑.๖ ฟุต (๕ ฟุต) มีหัวขนาดใหญ่
เท้ารูปตัววี สีผิวเข้มสีน้ำตาล ตาสีแดงขนาดใหญ่ คล้ายมนุษย์ต่างดาว
มีกลิ่นแรงเหมือนแอมโมเนีย และท่าทางเหมือนมันกำลังสับสนหรือบาดเจ็บ
เมื่อกองทัพบกได้รับรายงานจึงได้ส่งทหารเข้ามายังพื้นที่ทันที
และสัตว์ประหลาดดังกล่าวก็ถูกยิงตาย ก่อนที่มันจะถูกจับยัดใส่กระสอบ
แล้วส่งไปชันสูตรในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยเซาเปาโลที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด
หากแต่สุดท้ายรัฐบาลบราซิลกลับออกมาแถลงการณ์ปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
โดยบอกว่าสาเหตุเป็นเพราะอุปทานหมู่เท่านั้น แต่หลายคนไม่เชื่อเรื่องดังกล่าว
โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลจงใจปกปิดข้อเท็จจริง
พร้อมกับมีพยานหลายคนอ้างว่าเห็นเจ้าหน้าที่บราซิลนำสัตว์ประหลาดขึ้นเครื่องบินทางการทหารของสหรัฐอเมริกาและนายทหารที่มีส่วนร่วมในการสัตว์ประหลาดดังกล่าวก็ได้เสียชีวิตลงในสัปดาห์ต่อมาเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่รู้จัก
VIDEO อันดับ ๕ เหตุการณ์ที่ป่าเร็นเลสแฮม
(The Rendlesham Forest Incident)
เหตุการณ์ที่ป่า
เป็นเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในป่าเร็นเลสแฮม , ซัฟโฟล์ก ประเทศอังกฤษ ในปี ๑๙๘๐
โดยหลายคนได้เชื่อมโยงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นฝีมือของยูเอฟโอ
เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลาตีสาม
ของวันที่ ๒๖ ปลายเดือนธันวาคม
ได้เกิดแสงไฟประหลาดเคลื่อนที่ผ่านไปมาที่ป่าเร็นเลสแฮม
ด้านนอกฐานทัพอากาศวู้ดบริดจ์ ทางตะวันออกของอังกฤษ
ตอนแรกพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้คิดว่าเป็นเครื่องบินลงจอด เลยเข้าไปตรวจสอบ
แต่ปรากฏว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นกลับเป็นยูเอฟโอรูปทรงสามเหลี่ยมโลหะ บินได้ มีสามขา
และเปล่งแสงประหลาดอยู่ในที่มืด ก่อนที่จะลงจอดบนพื้นดิน
พวกเขาจึงรีบกลับไปเพื่อเรียกกำลังเสริม และในวันต่อมา
เมื่อนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจอีกครั้ง ก็พบยูเอฟโอลำดังกล่าวหายไป
แต่กระนั้นก็ยังร่องรอยการเผาไหม้และร่องรอยแรงกดทับและค่ารังสีที่ผิดปกติในบริเวณนั้น
ต่อมาบริเวณจุดที่ยูเอฟโอลงจอดดังกล่าวก็ได้กลายเป็นพื้นที่มีชื่อเสียงของการปรากฏตัวของยูเอฟโอของประเทศอังกฤษ
ซึ่งหลายฝ่ายพยายามหาข้อเท็จจริงจนถึงทุกวันนี้
VIDEO อันดับ ๔ เหตุการณ์ยูเอฟโอที่เคกส์เบิร์ก (The
Kecksburg UFO Incident)
เหตุการณ์ยูเอฟโอที่เคกส์เบิร์ก
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๑๙๖๕ ในเมืองเคกส์เบิร์ก
(Kecksburg) รัฐเพนซิลเวเนีย
สหรัฐอเมริกา
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีพยานหลายคนต่างเห็นลูกบอลไฟลึกลับขนาดใหญ่ลอยผ่านเหนือฟ้าจากภาคเหนือของมิชิแกนและโอไฮโอ
ก่อนที่จะเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นโดยรอบทางเพนซิลเวเนียตะวันตก
และวัตถุดังกล่าวตกลงในป่า
ทำให้ป่าไม้ในบริเวณนั้นล้มลงเสียหายและลุกไหม้เป็นบางส่วน เมื่อทางกองทัพสหรัฐฯ
ทราบข่าวก็ระดมกำลังตรวจสอบพื้นที่บริเวณนั้นและปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้ที่พื้นที่เกิดเหตุ
ต่อมาทางการนาซ่ากลับออกมาแถลงการณ์ว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
ทั้งสิ้นในบริเวณดังกล่าว วัตถุที่ตกเป็นเพียงสะเก็ดดาวตกเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมีพยานในที่เกิดเหตุหลายคนยืนยันหนักแน่นว่าพวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกมาขนวัตถุประหลาดขนาดใหญ่พอๆ
กับรถเต่า(โฟล์คสวาเกน)
ลักษณะคล้ายกับระฆังสีส้มหรือเหมือนผลต้นโอ๊กและมีสัญลักษณ์แปลกๆ
เหมือนอักษรอียิปต์อยู่รอบวัตถุ ออกจากที่เกิดเหตุในค่ำคืนวันนั้น
และด้วยเหตุดังกล่าวจึงมีการยื่นฟ้องต่อศาลให้บังคับทางการนาซ่าเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบ
จนกระทั้งปี ๒๐๐๕ ทางการนาซ่าต้องยอมเปิดเผยข้อมูลตามคำสั่งของศาล
คราวนี้บอกว่าสิ่งที่ตกดังกล่าวคือดาวเทียมลับของรัสเซีย
ซึ่งขัดแย้งคำแถลงการณ์ครั้งแรกโดยสิ้นเชิง
ต่อมามีการบังคับให้เอานาซ่าเปิดเผยเอกสารหลักฐานอีกครั้ง
แต่คราวนี้นาซ่าบอกว่าเอกสารหลักฐานดังกล่าวหายไป
ทำให้ความจริงเหตุการณ์ยูเอฟโอที่เคกส์เบิร์กยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน
VIDEO อันดับ ๓
ชูปราคาบรา(Chupacabra)
ในช่วงเดือนเมษายน ๒๐๐๐
ประเทศชิลีเต็มไปด้วยรายการเกี่ยวกับปรากฏการณ์ยูเอฟโอ
รวมไปถึงรายงานการปรากฏตัวของชูปราคาบราสัตว์ลึกลับที่น่าสยดสยอง
ชูปราคาบรา(ภาษาสเปนแปลว่า
ตัวดูดเลือดแพะ) เป็นสัตว์ประหลาดกลับที่ออกอาละวาดสร้างความหวาดกลัวต่อชาวบ้าน
ในประเทศเปอร์โตริโก เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา โดยปรากฏออกมาช่วงแรกในช่วง ๑๙๙๕
ก่อนที่จะระบาดไปทั่วอเมริกาใต้จนถึงชิลีดังกล่าว
โดยพฤติกรรมคือมันชอบฆ่าและดูดเลือดสัตว์จนหมดตัว
ทุกคืนมันจะฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมากอย่างน้อย ๓๐ ตัวเป็นอย่างต่ำ
ไม่เพียงเฉพาะแพะเท่านั้น ยังมีพวกสุกร สุนัข และเป็ดถูกฆ่าในลักษณะเดียวกัน
นอกจากนั้นมันมีรูปร่างหลายแบบแตกต่างกันไปตามคำบอกเล่าของพยานที่พบเห็น
บ้างก็ว่าเหมือนมนุษย์ต่างดาว เหมือนสัตว์กลายพันธุ์ บางตัวก็มีปีก
บางตัวมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน
นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องยูเอฟโอ
คือในพื้นที่ปรากฏตัวชูปราคาบรามักมีรายงานการปรากฏตัวแสงไฟประหลาดลอยได้เหมือนยูเอฟโออยู่บ่อยครั้ง
และในพื้นที่ดังกล่าวยังพบเครื่องหมายรอยไหม้เหมือนรูปสามเหลี่ยมบนพื้นดินเหมือนเป็นจุดลงจอดยูเอฟโอดังกล่าว
VIDEO VIDEO อันดับ ๒ เหตุการณ์แคช-เลสลี่ดรัม (The
Cash-Landrum Incident)
เหตุการณ์แคช-เลสลี่ดรัม
เป็นเหตุการณ์การพบเห็นยูเอฟโอ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ๑๙๘๐
และเป็นเหตุการณ์ไม่กี่กรณีที่เกี่ยวข้องกับในยูเอฟโอที่มีการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลอาญา
โดยคนฟ้องเป็นพยานในการพบเห็นยูเอฟโอที่อ้างว่าพวกเขาสุขภาพแย่ลงหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
เหตุดังกล่าว
เกิดขึ้นเมื่อค่ำของวันที่ ๒๐ ธันวาคม เมื่อนางเบ็ตตี้ แคช (Betty Cash), นางวิคกี
เลสลี่ดรัม (Vickie Landrum) และ คอลบี เลสลี่ดรัม (Colby Landrum) หลานชายอายุ๗
ปีของวิคกี ได้ขับรถโอลด์โมบายกลับบ้านตามหลวงหมายเลข FM1485 ในเดย์ตัน รัฐเท็กซัส
จนกระทั้งเวลา ๙:๐๐ น. จู่ๆ ก็เกิดแสงจ้าทางด้านเหนือของถนน
ทำให้พวกเขาถูกบังคับให้หยุดรถ
และออกจากรถเพื่อดูมาของแสงดังกล่าว(ในตอนนั้นมีเฮลิคอปเตอร์อยู่ใกล้ประมาณ ๘ กม.)
ตอนแรกวิคกีคิดว่าเป็นแสงของพระเยซูมาเยือน แต่ปรากฏว่าแสงดังกล่าวคือยูเอฟโอ
รูปร่างเหมือนเพชรส่องแสงวูบวาบจนแสบตา มันบินเหนือพวกเขา ก่อนที่จะหายไป
โดยมันได้ปล่อยพ่นระเบิดไฟจากปลายด้านล่างออกมากระจายไปทั่วบริเวณ
ซึ่งความร้อนดังกล่าวมีรุนแรงมาก(ถึงขั้นทำให้รถเสียหายบางส่วน
และพื้นที่บางส่วนในบริเวณลุกติดไฟ)
เป็นผลทำให้พยานทั้งหมดที่อยู่ใกล้เกิดอาการเจ็บป่วย คลื่นไส้ โรคอุจจาระร่วง
ปวดหัวเรื้องรัง และมีรอยแผลไหม้ของรังสีรุนแรงจนเห็นชัดเจน
ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีการฟ้องร้องต่อศาลเนื่องจากคิดว่าทางการสหรัฐอยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์ดังกล่าว
VIDEO อันดับ ๑ เหตุการณ์ที่รอสเวลล์(The
Roswell
Incident)
คงไม่มีเหตุการณ์ครั้งไหนที่ได้รับการกล่าวขานเท่าเหตุการณ์เครื่องบินตกรอสเวลล์
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยูเอฟโอ
รวมทั้งมีการโต้เถียงกันอย่างยาวนานร่วมครึ่งศตวรรษ
จนกระทั้งในปัจจุบันยังหาข้อยุติไม่ได้!!?
ในเดือนกรกฎาคม ๑๙๔๘
ได้มีวัตถุลึกลับตกในพื้นที่รกร้าง ในเมืองรอสเวลล์ นิวเม็กซิโก
โดยเกษตรคนหนึ่งชื่อนายวิลเลียม แวร์ “แม็ค” (William Ware "Mack")
ได้พบวัตถุประหลาดขนาดเล็กกระจัดกระจายเต็มพื้นที่
โดยเศษวัตถุดังกล่าวคล้ายไม้(แต่ไม่ใช่ไม้) มีน้ำหนักทั้งเบาและบางคล้ายแผ่นฟอยล์
ต่อมาไม่นานเจ้าหน้าที่ทางการก็มาถึงและเก็บวัตถุในพื้นที่เกิดเหตุจนหมด
ซึ่งผลจากการตรวจสอบตอนแรกแถลงการณ์ออกมาว่าวัตถุที่ตกลงมานั้นเป็นวัตถุที่ไม่เคยมีอยู่ในโลก
แต่ละชิ้นโลหะมีคุณสมบัติแปลกประหลาด
หากแต่ภายหลังทางการกลับออกมาแถลงการณ์ใหม่ว่าวัตถุที่ตกลงมาเมืองรอสเวลล์นั้นคือหรือบอลลูนตรวจสภาพอากาศ!!?
เรื่องมันเหมือนจะจบลงเพียงเท่านี้
แต่หลายฝ่ายไม่ยอมให้จบ เพราะมีหลายคนพยายามสืบหาความจริงเหตุการณ์ในวันนั้น
แต่ว่าการสืบดังกล่าวเต็มไปด้วยอุปสรรค์มากมาย
เพราะว่าพยานและผู้เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมดต่างพากันปิดปากเงียบ โดยเฉพาะ “แม็ค”
ดูเหมือนเขาจะกลัวเรื่องนี้มาก เขาปิดปากเงียบชจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของเขาในปี
๑๙๖๓
นอกจากนี้ยังมีพยานบางคนอ้างว่าเห็นศพมนุษย์ต่างดาวในห้องผ่าตัดในฐานทัพอากาศรอสเวลล์
แต่พยานดังกล่าวได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเสมือนว่าถูกอุ้ม
ถึงกระนั้นการสืบค้นก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ
จนในที่สุดก็มีแนวโน้มพอที่จะเชื่อว่าแถลงการณ์ของทางการทั้งหมดเป็นเรื่องกุขึ้น
ปัจจุบันหลายฝ่ายยังคงหวังว่าทางการสหรัฐจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเหคุการณ์ดังกล่าว
ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ที่รอสเวลล์?
อ้างอิงจาก
http://www.tuaytoon.com/story.php?type=S&id=70