วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รู้ไหมว่า... คำทำนายโลกแตกมีมาแล้วกี่ครั้ง??

รู้ไหมว่า... คำทำนายโลกแตกมีมาแล้วกี่ครั้ง??




ใครยังแอบลุ้นอยู่ว่า 21/12/12 จะเกิดภัยพิบัติอะไรยังไง เกี่ยวเนื่องการกับการสิ้นสุดของปฏิทินมายา อันเป็นที่มาของการทำนายวันสิ้นโลกอยู่นั้น หันมาอ่านกันดูว่า กว่าเราจะอยู่กันถึงเวลานี้ มีคำทำนายวันสิ้นโลกมาแล้วหลายหน มีครั้งไหนใกล้เคียงความจริงบ้าง ...

1999 คำทำนายของ “นอสตราดามุส”

ก่อนกระแสวันสิ้นโลกของปฏิทินมายา เชื่อว่าคำทำนายจาก “นอสตราดามุส” ดูเหมือนจะทรงอิทธิพลที่สุด จากบันทึกของเขาที่ตีพิมพ์ในปี 1555 ในฐานะโหราจารย์ชื่อดังแห่งฝรั่งเศส ซึ่งทำนายเรื่องราวไว้หลายเหตุการณ์ หนึ่งในนั้นคือ “วันสิ้นโลก”

ในบันทึกของเขาระบุว่า “ในปี 1999 เดือนที่ 7 (สิงหาคม 1999) จะมีราชาแห่งความน่าสะพรึงกลัวมาจากฟากฟ้า” และนั่นอาจนำไปสู่หายนะของโลก

เมื่อนำมาตีความในหลายๆ แบบ ก็เชื่อว่าอาจจะมีดาวเคราะห์ดวงใหญ่พุ่งชนโลก แต่ต่อมาเมื่อเกิดสถานการณ์อันตึงเครียดระหว่างอเมริกากับอิรัก ก็ทำให้เกิดการพุ่งเป้าไปที่การเกิด “สงครามโลกครั้งที่ 3” ราชาแห่งความน่าสะพรึงจึงหมายถึงประธานาธิบดีอิรัก “ซัดดัม อุสเซน”

แต่แล้วเหตุการณ์สงครามแม้จะร้ายแรงและยืดเยื้อ แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้โลกหายนะ และไม่ได้กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่อย่างใด

1666 ปีอาถรรพ์ 666

เลข 666 ตามความเชื่อของคริสเตียนว่าเป็นเลขแห่งปิศาจและความชั่วร้าย ชาวคริสต์ในยุโรปต่างกังวลกับการมาถึงของปี 1666 นี้ ว่าจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ โดยในปีก่อนหน้าได้เกิดกาฬโรคระบาดคครั้งใหญ่คร่าชีวิตชาวลอนดอนไปนับแสน จึงนำไปสู่คำทำนายวันสิ้นโลกในปี 1666

และวันที่เลวร้ายที่สุดแห่งปีก็มาถึง ในวันที่ 2 กันยายนเกิดไฟไหม้ร้านเบเกอรีในลอนดอน ไฟโหมกระหน่ำ 3 วันกว่าจะมอด เผาอาคารไปกว่า 13,000 หลัง ชาวเมืองอีกนับหมื่นไม่มีบ้านอยู่อาศัย มีผู้เสียชีวิตน้อยกว่า 10 ราย และโลกก็ยังไม่ได้พังทลายแต่อย่างใด

1910 ดาวหางฮัลเลย์ พาสารพิษสู่โลก

ตั้งแต่ปี 1881 ที่นักดาราศาสตร์ค้นพบว่า หางของดาวหางนั้นมีก๊าซไซยาโนเจน (สารไซยาไนด์) ปนอยู่ จึงได้สร้างความตื่นตระหนกว่า ถ้าดาวหางโคจรผ่านโลก ชาวโลกก็จะอาบสารพิษมรณะนั้นไปด้วย ซึ่งดาวหางที่จะมาเยือนถัดไปคือ “ฮัลเลย์” ในปี 1910 ความวิตกดังกล่าวได้รับการตีพิม์ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และฉบับอื่นๆ จนทำให้เกิดความตื่นกลัวไปทั่วโลก

แต่ในที่สุดแล้ว ก็มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ออกมาช่วยอธิบายว่า การโคจรของดาวหางไม่สร้างอันตรายให้ชาวโลกได้ขนาดนั้น

2000 ขึ้นศตวรรษใหม่ อาจกลายเป็นอวสาน

หลายคนคงผ่านช่วงเวลาเข้าสู่ปี 2000 อันคือ “ยุคมิลเลเนียม” พร้อมๆ กับปัญหา วายทูเค (Y2K) เมื่อการก้าวเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม 2000 จะกลายเป็นการสร้างปัญหาให้ระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลก มีการคาดการณ์ไว้ในช่วงปี 1970 ว่า ระบบคอมพิวเตอร์อาจจะไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของศตวรรษได้ จากการปรับนาฬิกาสู่ 2000 อาจกลับไปสู่ 1900 แทน อันจะนำไปสู่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย และหายนะตามมา

แต่แล้วการฉลองศตวรรษใหม่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี วายทูเคไม่ได้สร้างปัญหาตามที่คาด ทว่ามีจุดจบใหม่ที่ชาวโลกต้องกังวล นั่นคือ 5/5/2000 วันที่ 5 พฤษภาคม 2000 เป็นวันที่ดาวเคราะห์เรียงตัวกัน แผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกจะหนาถึง 3 ไมล์ นั่นเป็นผลให้ชาวโลกล้มตายด้วยความเหน็บหนาว ... แต่เหตุการณ์ก็ไม่เป็นเช่นนั้น อาจต้องขอบคุณภาวะโลกร้อนที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้

2011 วันพิพากษา

ถัดมาปีก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤษภาคม ฮาโรลด์ แคมปิง (Harold Camping) นักเทศน์ทางวิทยุ ได้สร้างความตระหนกให้แก่ชาวโลก ด้วยการประกาศคำทำนายว่า วันที่ 21 พฤษภาคม 2011 คือวันพิพากษา ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการเกิดแผ่นดินไหวไปทั่วโลก และหายนะจะต่อเนื่องยาวไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคมปีเดียวกัน และโลกจะสูญสิ้นในวันนั้น

ทว่า ทั้งวันพิพากษาและวันสิ้นโลกของแคมปิงก็ผ่านไปอย่างเงียบๆ และต่อมาเขาก็อธิบายว่า แผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ทางกายภาพ แต่เป็นแผ่นดินไหวทางจิตวิญญาณ และพระเจ้าก็ได้พิพากษาเหล่าวิญญาณของมนุษย์ทั้งหลายเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ... โดยไม่มีใครรู้ตัว

2011 เด็กชายปลาบู่ผู้ระลึกชาติได้

เรื่องนี้คงเป็นที่ฮือฮา และใกล้ตัวเราที่สุด วันสิ้นโลกฉบับไทยๆ ยังไม่มีบันทึกไว้ในระดับสากล เหตุเกิดเมื่อปลายปี 2011 ผ่านทางยูทูบที่ชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นพ่อของ “เด็กชายปลาบู่” ได้เล่าเรื่องราวของลูกชาย เป็นคำทำนายจากการระลึกชาติได้ ว่าจะมีการเกิดภัยพิบัติในช่วงเวลาต่างๆ และอันใกล้ที่สุดก็คือช่วงวันปีใหม่ที่ผ่านมา จะมีเหตุการณ์เขื่อนแตก แผ่นดินไหว มีผู้เสียชีวิต แต่แล้วคำทำนายดังกล่าวก็ไม่เป็นจริง

ตอนนี้เราเพียงแต่รอว่า วันที่ 21/12/12 จะเป็นอีกวันที่ผ่านไป จากนั้นยังมีคำทำนายถึงหายนะและวันสิ้นโลกอีกมากมายหลายฉบับ มีเว็บไซต์แห่งหนึ่งได้รวบรวมสารพัดคำทำนายเหล่านี้ไว้ แทบจะเรียกได้ว่า มีคำทำนายถึง “วันสิ้นโลก” เกือบทุกปีทีเดียว ถ้าหลังวันที่ 21 ธันวาคมนี้ เรายังอยู่กันพร้อมหน้า ลองแวะไปดู manyends.com รอรับคำทำนายรอบถัดไปกันได้


ไม่ต้องห่วงว่า หลังจากปีนี้ไปแล้วเราจะมีอะไรตื่นเต้นอีก รับรองว่ามีไปจนเกือบหลายพันล้านปีข้างหน้าเชียวแหละ ไปดูเองละกันที่ http://newloren.com/lorenendings/pick_a_year.html ครับ

ตัวอย่างเช่น

ปี 2013




ปี 2014



ปี 2019



เลยข้ามไปถึงปี 3000 เลยเอ้า!!



หรือจะปีสุดท้ายจริงๆ คือ ปี 4,500,000,000



ที่มา
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000153571

ยังไม่จบ! สาวกลัทธิวันสิ้นโลกอ้าง 1 ม.ค. 2017 มนุษย์ถึงกาลอวสานอีกรอบ

ยังไม่จบ! สาวกลัทธิวันสิ้นโลกอ้าง 1 ม.ค. 2017 มนุษย์ถึงกาลอวสานอีกรอบ
เดลิเมล์ - ขณะที่โลกเพิ่งผ่านพ้นช่วงแห่งความหวาดผวาตื่นกลัว "วันโลกาวินาศ" ในวันศุกร์ (21) มาได้ไม่นาน ก็มีสาวกวันสิ้นโลกออกมาอ้างอีกว่า กาลอวสานของโลกที่แท้จริงคืออีก 4 ปีข้างหน้า ในวันที่ 1 มกราคม ปี 2017 ต่างหาก

สมาชิกของลัทธิ สวอร์ด ออฟ ก๊อด บราเธอร์ฮูด (The Sword of God Brotherhood) เผยว่า ศาสดาแกเบรียลของพวกเขาบอกว่า "เวลามรณะ" จะมาถึงในวันที่ 1 มกราคม ในอีก 4 ปีข้างหน้า และจะมีเพียงแค่สาวกของลัทธิเท่านั้นที่รอดชีวิต ส่วนคนอื่นๆ จะต้องตายในไฟนรก

คำทำนายที่สิ้นหวังนี้เปิดเผยหลังจากผู้คนในหลายมุมโลกเตรียมตัวรับการอวสานของโลก ในเวลา 11.11 น. วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม เมื่อปฏิทินของชาวมายา อารยธรรมอันรุ่งเรืองแต่โบราณ ที่มีอายุ 5,126 ปีสิ้นสุดลง

ผู้ที่เชื่อในคำทำนายวันสิ้นโลกหลายสิบคนได้ปีนขึ้นไปบนภูเขาปี เดอ บูกาคาจ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาว ที่ซ่อนตัวอยู่ตามหินผา และยังเชื่อว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปลอดภัยเพียงแห่งเดียว จากคลื่นยักษ์สึนามิ ที่จะกวาดล้างทำลายโลก

ด้าน ฌอง-ปิแอร์ เดอลอร์ด นายกเทศมนตรีบูคาราจ ระบุว่า สถานการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องน่าขำ และขอให้โลกอย่าหลั่งไหลเข้ามายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้

เอียน นาโปลิตาโน วัย 47 ปี จากเมอร์ซีย์ไซด์ ซึ่งไปยังสถานที่ดังกล่าว พร้อมเรือบดลำหนึ่ง เพื่อพร้อมรับคลื่นยักษ์ เผยกับหนังสือพิมพ์เดอะซันว่า "ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่ผมดีใจสุดๆ ที่โลกยังไม่สูญสิ้น"

ด้าน ชาวมายาก็ฉลองวาระสิ้นสุดวัฏจักรที่ 13 ตามปฏิทินสุริยะ ณ วิหารแกรนด์ จากัวร์ ในกัวเตมาลา ผู้คนบางส่วนก็ไปรวมตัวกันที่สโตน เฮนจ์ เพื่อเฝ้าดูช่วงที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด ในฤดูหนาว

นอกจากนี้ ยังมีคำทำนายวันสิ้นโลกอื่นๆ ซึ่งรวมถึง วันพิพากษาที่จะเกิดขึ้นในปี 2023 ตามคำกล่าวอ้างของนักทฤษฎี เอียน เกอร์นีด้วย

ขณะที่ นักบุญมาลาคี ชาวไอริชเคยพยากรณ์ไว้ในปี 1143 ว่า ก่อนจะถึงกาลอวสานของโลกนั้นจะต้องมีพระสันตะปาปาอีก 112 พระองค์ ซึ่งพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 องค์ปัจจุบัน นับเป็นโป๊บองค์ที่ 111

อย่างไรก็ตาม คำทนายที่สมเหตุสมผลกว่า ได้ประมาณว่าในปีคริสตศักราช 4,500,000,000 พระอาทิตย์ขยายขนาดจนดูดกลืนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ทั้งดาวพุธ ดาวศุกร์ รวมถึงโลก และอาจแผ่ขยายไปถึงดาวอังคารด้วย



พิธีฉลองการสิ้นสุดวัฏจักร ณ วิหารโบราณ แกรนด์ จากัวร์ ในกัวเตมาลา


ผู้คนจำนวนรวมตัวกันที่สโตน เฮนจ์ ในเวลาที่เชื่อว่าเป็นกาลอวสารของโลก


ที่มา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000155253

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ชาวรัสเซีย หวั่นกระแส วันสิ้นโลก 21/12/2012 แห่ตุนเสบียง

เรื่องนี้ยังไม่จบ
ชาวรัสเซีย หวั่นกระแส วันสิ้นโลก 21/12/2012 แห่ตุนเสบียง

ชาวเมืองชิต้า ในแคว้นไซบีเรีย รัสเซีย หวั่นวิตกกระแสวันสิ้นโลก ตามคำทำนายชาวมายาโบราณ แห่กักตุนอาหาร, เทียน, ไฟฉาย และของจำเป็น
          สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ร้านขายของแห่งหนึ่งในเมืองชิต้า แคว้นไซบีเรียของรัสเซีย กำลังเร่งหาเทียนไขเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า เนื่องจาก ชาวบ้านตื่นตระหนกวันสิ้นโลก ตามคำทำนายชาวมายาโบราณ ซึ่งร้านค้าบางรายผลิตชุดเครื่องมือรับวันสิ้นโลกออกมาวางจำหน่าย ซึ่งประกอบด้วย ปลากระป๋อง ไม้ขีดไฟ เทียนไข  สบู่ เชือกยา ผ้าพันแผล สมุดโน้ต และแน่นอนว่า ต้องมี วอดก้า เหล้าดังของรัสเซียด้วย
          โดยที่เมืองบาร์นวล ชาวบ้านผู้ตื่นตระหนกแห่กวาดซื้อไฟฉายและกระติกน้ำจนหมดตลาด ส่วนที่เมืองโอมุตนินส์ค ในแคว้นคิรอฟ ชาวบ้านก็พากันแห่ซื้อน้ำมันก๊าด เสบียงและอุปกรณ์อื่น ๆ หลังหวาดผวาต่อบทความของพระทิเบตรูปหนึ่งในหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ซึ่งยืนยันว่า โลกจะสิ้นสลายในวันที่ 21 ธันวาคม ด้านเมืองโนโวคซเนทส์ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เกลือเริ่มขาดตลาด ชาวบ้านขอให้เตรียมการรับมือกับเหตุไฟดับและการปล้น
<b>หาความจริงของ นิบิรุ - พายุสุริยะ วันสิ้นโลก 2012 ในเจาะข่าวเด่น</b>
กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากเลยทีเดียว... สำหรับวันที่ "21 ธันวาคม 2012" ที่ใกล้จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินมายา และเชื่อกันว่าเป็น "วันสิ้นโลก" ทั้งนี้ ทั่วโลกก็ต่างจับตามองเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่างประเทศที่ค่อนข้างตื่นตัวและให้ความสนใจอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีนักดาราศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ ต่างออกมาระบุว่า "วันสิ้นโลก" ไม่มีจริง และวันที่ 21 ธันวาคม ก็เป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังมีบางคนที่เชื่อ และยังส่งต่อจดหมายลูกโซ่ ที่ระบุถึงเหตุการณ์ของ "วันสิ้นโลก" 5 รูปแบบแตกต่างกันไป
            เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางรายการ "เจาะข่าวเด่น" (10 ธันวาคม) จึงได้เชิญ อาจารย์สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว
            โดยอาจารย์สธน ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า... ตนได้จดหมายลูกโซ่ที่ระบุถึงข้อสันนิษฐานที่จะทำให้โลกแตก 5 ข้อ มาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งพอมาถึงวันนี้ก็มีข้อมูลปรับเปลี่ยนไปเยอะมาก ส่วน 5 ข้อที่กล่าวนั้นมีดังนี้...
            - ดาวเคราะห์นิบิรุ จะพุ่งชนโลก
            - พายุสุริยะจะแตกตัว
            - สนามแม่เหล็กโลกกลับขั้ว
            - ดาวเคราะห์เรียงตัวกัน จนเกิดผลกระทบทำให้โลกแตก
            - โลกจะหลุดเข้าไปในหลุมดำ
            ทั้งนี้ ในวันที่ปฏิทินระบุว่า วันที่ 21 ธันวาคม จะเป็นวันสุดท้ายของโลก ซึ่งเหตุการณ์ทั้ง 5 เหตุการณ์ข้างต้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิดในวันดังกล่าว
            อาจารย์สธน ระบุว่า จาก 5 เหตุการณ์นั้น มีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับภาพยนตร์ถึง 4 เรื่อง เรื่องแรกที่เราจะพูดถึงกันนั้นก็คือเรื่อง "ดาวเคราะห์นิบิรุ" ที่มีเรื่องราวคล้ายภาพยนตร์เรื่อง "อามาเกดอน" ทั้งนี้ ในจดหมายลูกโซ่ได้บันทึกว่า ดาวเคราะห์ดวงดังกล่าวจะเคลื่อนที่เข้ามาโดยที่โลกมองไม่เห็น และพุ่งชนโลกจนทำให้โลกแตกเหมือนกับเรื่องอามาเกดอนที่ดาวเคราะห์จะพุ่งชนเท็กซัส สหรัฐฯ แต่ในความเป็นจริงทางด้านฟิสิกส์แล้ว เมื่อดาวเคราะห์ หรือวัตถุใดเคลื่อนเข้ามาใกล้ระบบสุริยะ ก็จะทำให้ดาวเคราะห์ที่อยู่ในวงโคจรมีการเปลี่ยนแปลง เฉกเช่น เหตุการณ์เมื่อสมัยปี 1846 ที่เราค้นพบดาวเนปจูน และปี 1930 ที่พบดาวพลูโต ซึ่งในขณะนั้นนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ เห็นความเปลี่ยนแปลงของดาวเสาร์ และดาวพฤหัส จนทำให้เราทราบว่า มีดาวที่อยู่ต่อจากนั้นอีก 2 ดวง เพราะวงโคจรของดาวพฤหัสเกิดการขยับ และหากดาวพฤหัสเกิดการเปลี่ยนแปลงยังไงเราก็ต้องรู้อยู่แล้ว เพราะดาวพฤหัสทำหน้าที่เหมือนยามประตูของระบบสุริยะ และปกป้องระบบสุริยะส่วนใน ซึ่งหากมีดาวดวงใดที่เล็กกว่าดาวพฤหัส เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ มันก็จะดึงเข้าไปหมด อาทิ เช่น ดาวหางต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งหากมีดาวเคราะห์นิบิรุจริง เราก็จะเห็นก่อนอย่างแน่นอน
และนอกจากดาวพฤหัสที่ทำหน้าที่เหมือนยามให้กับระบบสุริยะแล้ว โลกของเรายังมียามเป็นกล้องอินฟาเรดจับคลื่นความร้อนที่มองไม่เห็น อีกทั้งยังมีนักดาราศาสตร์ทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่น คอยมอนิเตอร์จับตามองระบบสุริยะตลอด 24 ชั่วโมง โดยพวกเขาจะมีฮอตไลน์สายตรง สามารถโทรติดต่อให้มีการตรวจสอบได้ทันที หากพบเห็นสิ่งปกติอะไรในระบบสุริยะ
            ถ้าถามว่า เหลืออีก 11 วัน หากมีดาวเคราะห์นิบิรุจริง จะเคลื่อนที่มาถึงดาวดวงไหนแล้ว อาจารย์สธน กล่าวสั้น ๆ เพียงว่า... เคลื่อนที่มาได้แค่เพียงจินตนาการเท่านั้น แต่ทั้งนี้หากมาจริง ๆ เหมือนในหนังอามาเกดอน อย่างไรก็ไม่รอดเหมือนในหนังแน่นอน เพราะเราไม่สามารถระเบิดดาวเคราะห์ได้ ซึ่งหากระเบิดได้ก็ต้องใช้ยูเรเนียมเป็นตัน ๆ  ส่วนคำว่า "นิบิรุ" นั้น ตนคิดว่าเป็นการแปลความมาอย่างผิดเพี้ยน เพราะจริง ๆ แล้ว คำคำนี้อยู่ในบันทึกของชาวสุเมเรียน แถบตุรกี  ที่ชื่อว่า เอสแทค แต่ก็ไม่รู้ว่าคำคำนี้ มาโผล่ในบันทึกของชาวมายาที่อยู่ในกัวเตมาลาได้อย่างไร

            ต่อกันด้วยเหตุการณ์ที่ 2 อย่าง "พายุสุริยะ" ซึ่งเชื่อกันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ แผ่นดินไหว ระบบการปกป้องของโลกจะอ่อนแอลง ทำให้ของเหลวที่อยู่ในโลก แปรปรวน เปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ซึ่งก็มีสัญญาณภัยพิบัติไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว น้ำท่วมใหญ่ ในหลายประเทศช่วงปีนี้
            ด้าน อาจารย์สธน กล่าวว่า โลกของเราในช่วงนี้เรียกว่าช่วง "โซลาร์แม็กซิมัม" หรือช่วง "อาทิตย์กัมมันต์" ซึ่งเกิดขึ้นทุก 11 ปี และเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาแล้วเมื่อปี 2000 ทั้งนี้ ช่วงอาทิตย์กัมมันต์นั้น เป็นการเกิดปฏิกิริยาของดวงอาทิตย์เอง หากเปรียบเทียบก็คล้าย ๆ กองไฟที่มีเปลวเพลิงกำลังประทุ ซึ่งจะส่งผลต่าง ๆ ในรอบ ๆ บริเวณนั้น ส่วนพายุสุริยะที่เข้าใจกัน จริง ๆ แล้วเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน และความรุนแรงก็แตกต่างกัน แต่มีผลกระทบแค่เพียงระบบการสื่อสารในบริเวณชั้นบรรยากาศเท่านั้น
สำหรับเรื่องการเกิดแผ่นดินไหวที่เชื่อมโยงกับพายุสุริยะ อาจารย์สธน ได้นำกราฟมาให้ชมเพื่อเปรียบเทียบ โดยสีแดงแทนเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่วนสีน้ำเงินแทนเหตุการณ์พายุสุริยะ ซึ่งเมื่อดูจากกราฟแล้วจะเห็นได้ว่าสีน้ำเงินจะมีกราฟที่สูงต่ำแตกต่างกันไป แต่สีแดงที่เป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้น เกิดขึ้นประจำสม่ำเสมอ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดพายุสุริยะหรือไม่นั้น ไม่มีผลที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวมากขึ้นหรือน้อยลง
            อย่างไรก็ตาม นิสิตที่คณะได้ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยได้ศึกษาชั้นบรรยากาศหลังจากการเกิดแผ่นดินไหวในจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า หลังจากแผ่นดินไหว จะเกิดผลกระทบในชั้นบรรยากาศไอโนโนสเฟียร์ เพียงแค่ 6 นาที ต่อจากนั้น คลื่นอากาศความถี่ต่ำ จะรบกวนสัญญาณจีพีเอสที่เราใช้กัน  แต่ไม่ได้ทำให้โลกอ่อนแอลงเลย
            อาจารย์สธน กล่าวต่อว่า หากพายุสุริยะจะปะทุแตกแบบยิ่งใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ เราก็ไม่สามารถรู้ได้ และการเกิดแผ่นดินไหวก็เป็นภัยพิบัติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าเช่นกัน แต่ก็ยังพอจะจับสังเกตจากจำนวนประจุของดวงอาทิตย์ หรือการแผ่พลังงานต่าง ๆ ส่วนทิศทางการเคลื่อนที่นั้น โลกกับดวงอาทิตย์ไกลกันมาก หากมีการปะทุแบบยิ่งใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ ก็จะรบกวนแค่การสื่อสาร ไม่ให้ทำให้สนามแม่เหล็กอ่อนตัว หรือมีผลกระทบจนแกนโลกแตกตัว ของเหลวในโลกขยับ ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ อย่างที่พูดต่อ ๆ กันมา
แต่ทั้งนี้ พายุสุริยะก็อาจจะทำให้สนามแม่เหล็กแปรปรวนได้อย่างมากที่สุด ก็คือทำให้เกิดแสงเหนือ-แสงใต้ ในละติจูด 45 องศา กล่าวคือ ระบบสุริยะ เมื่อเคลื่อนมาเจอสนามแม่เหล็กโลก สนามแม่เหล็กโลกก็จะเบี่ยงทิศทางไปที่ขั้วโลก ไปยังชั้นบรรยากาศโลกของเรา และชนเข้ากับออกซิเจน จนเกิดแสงสว่างสีเขียววาบ ๆ นี่ก็คือการป้องกันพายุสุริยะด้วยกลโลกของโลกเอง โดนจับไปปุ๊บก็ถูกต้านไปโดยไม่ให้ไปถึงพื้นโลก
            ท้ายนี้ ทางด้านพิธีกรได้กล่าวว่า เท่าที่ทราบคือพายุสุริยะ หากแตกตัวก็จะใช้เวลาเดินทางมายังโลก 4 วัน จึงอยากถามอาจารย์สธนว่า... กล้าขึ้นเครื่องบินไหม ด้านอาจารย์สธน กล่าวตอบว่า "กล้าขึ้น.. ขึ้นได้ไม่มีปัญหา"
            ส่วนในวันนี้ (11 ธันวาคม) ทางรายการจะนำเสนออีก 3 เหตุการณ์ที่อ้างว่าจะทำให้โลกแตก อย่าลืมติดตามชมพร้อมกับไขข้อสงสัยกันได้นะคะ ที่รายการ "เจาะข่าวเด่น" ทางช่อง 3 เวลา 16.20 น.
ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/79424
http://hilight.kapook.com/view/79440

วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สารคดี วันล้างโลก

สารคดี วันล้างโลก


สารคดี วันล้างโลก



สารคดี วันล้างโลก

ญี่ปุ่นยกเลิกประกาศเตือนสึนามิแล้ว หลังเกิดแผ่นดินไหวนอกชายฝั่ง

ญี่ปุ่นยกเลิกประกาศเตือนสึนามิแล้ว หลังเกิดแผ่นดินไหวนอกชายฝั่ง
แผ่นดินไหวญี่ปุ่น



          สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากญี่ปุ่นว่า ทางการญี่ปุ่น ยกเลิกประกาศเตือนภัยสึนามิแล้ว หลังคลื่นสึนามิสูง 1 เมตร ได้ซัดเข้าชายฝั่งญี่ปุ่นแล้ว หลังทางการประกาศเตือนภัยสึนามิไปก่อนหน้านี้ เพราะเกิดแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ จนตึกหลายแห่งรับแรงสั่นสะเทือนได้

          รายงานระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรง 7.3 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ทำให้ก่อนหน้านี้ ทางการญี่ปุ่นต้องออกมาเตือนภัยว่า อาจเกิดคลื่นสึนามิสูง 1-2 เมตร บริเวณชายฝั่งจังหวัดมิยางิของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคมปีที่แล้วนั่นเอง
          หลังจากประกาศเตือนภัยได้ไม่นาน เมื่อเวลา 16.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ของประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า คลื่นสึนามิสูง 1 เมตรได้ซัดกระทบชายฝั่งเมืองอิชิโนะมากิ ในจังหวัดมิยางิแล้ว หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น

          ขณะที่ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ รายงานว่า เมื่อ 15.18 น. ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวในทะเล บริเวณทางตะวันออกของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแผ่นดินไหวนี้ไม่มีผลกระทบต่อไทย

          ทั้งนี้ สำหรับเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นครั้งนี้ ทางการไม่ได้รับรายงานความเสียหายใด ๆ แต่ก็ทำให้ผู้คนแตกตื่น พากันหนีขึ้นที่สูงกันอย่างโกลาหลไม่น้อยเหมือนกัน

ที่มา
kapook.com

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สารคดีเรื่องภัยพิบัติล้างโลก

สารคดีเรื่องภัยพิบัติล้างโลก



สารคดีเรื่องภัยพิบัติล้างโลก

มนุษย์กำลังสนใจในปัญหาภัยพิบัติ แต่ควรศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ที่พยายามหากลักฐานมากกว่า จะเชื่อด้วยโมหาคติ หรือเชื่อโดยปราศจากหลักการ ในกาลามสูตร สอนไว้ดีแล้ว จริงไหม มนุสสย แปลว่าเหล่ากอผู้มีสติปัญญา

เตรียมใจรับภัยพิบัติ

จากกระแสข่าวที่ทำให้คนทั่วโลกตกตะลึงและวิตกกังวล นอกจากประกาศขององค์การ NASA ที่ว่า ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) แกนโลกของเราถึงกาลที่จะพลิกกลับขั้ว คือ ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ซึ่งทำให้ช่วงเวลานั้นโลกของเราจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็กเพื่อป้องกันตัวเอง ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็กและรังสีที่มีความร้อนสูงมายังโลก ผลลัพธ์ที่มนุษย์โลกได้รับผลทันที น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายอย่างรวดเร็ว น้ำจะท่วมโลกฉับพลัน สิ่งมีชีวิตจะล้มตายเป็นเบือ และหนึ่งในนั้น ก็คือ มนุษย์ ฉะนั้นเพื่อร่วมกันปกป้องโลกของเราให้ลดความรุนแรงจากภัยทางธรรมชาติ เรามาร่วมใจกันนั่งสมาธิพร้อมกันให้มากที่สุดทั่วโลกเลยก็ยิ่งดี เสร็จแล้วภาวนาส่งกระแสจิตแห่งความปรารถนาดีแก่มวลมนุษย์ชาติให้อยู่ดีมีสุข จงรักและสามัคคีกันอย่างจริงใจ พลังจิตแห่งความปรารถนาดีนี้ก็เปรียบเสมือนอากาศเย็นที่ทั่วโลกสร้างให้เกิดขึ้นในที­่ที่มีอากาศร้อนมาก ความร้อนที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย หากมีความเย็นเข้ามาก็ทำให้อนุภาพของความรุนแรงลดลง หรือถ้ามีมากก็ไม่เกิดเหตุร้ายแต่อย่างใด เพียงเท่านี้โลกและเราทั้งหลายก็ลดทุกข์ทั้งทางกายและทางใจลงไปได้มากมาย แถมที่สำคัญก็คือการนั่งสมาธิทำให้เราเป็นคนที่ใจเย็น ผลดีเกิดขึ้นกับเราทันที่ที่ลงมือทำโดยไม่ต้องใช้เงินทอง

เตรียมใจรับภัยพิบัติ ครั้งที่1



บรรยาย เรื่องวันสิ้นโลก โดย ดร.สมิทธ

บรรยาย เรื่องวันสิ้นโลก โดย ดร.สมิทธ



บรรยาย เรื่องวันสิ้นโลก โดย ดร.สมิทธ

บรรยายหัวข้อพิเศษ เรื่องวันสิ้นโลก โดย ดร.สมิทธ ธรรมสโรช
ณ หอประชุม City Hall พลาซ่า หาดใหญ่ 21-1-2555 ช่วงแรก

เตรียมรับมหันตภัยโลกปี 2556

เตรียมรับมหันตภัยโลกปี 2556



เตรียมรับมหันตภัยโลกปี 2556

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นักวิทย์เผยน้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วขึ้น 3 เท่า จาก 20 ปีก่อน





นักวิทย์เผยน้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วขึ้น 3 เท่า จาก 20 ปีก่อน

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพี รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์เผยภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงหนัก ทำน้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนถึง 3 เท่า

โดยจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะขั้วโลก พบว่า ตอนนี้แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือและใต้ กำลังละลายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรีนแลนด์ (ขั้วโลกเหนือ) พบว่าแผ่นน้ำแข็งละลายเร็วมากอย่างน่าตกใจ คือ 2.9 แสนล้านตันต่อปีเลยทีเดียว เปรียบเทียบกับเมื่อ 20 ปีก่อน (ยุค 1990) ที่เคยมีสถิติการละลายอยู่ที่ประมาณ 5.5 หมื่นล้านตันต่อปีเท่านั้น

จากตัวเลขอันน่าตกใจดังกล่าว ดอกเตอร์แอนดรูว์ เชพเพิร์ด ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยลีดส์ในอังกฤษ ได้เปิดเผยว่า นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า กรีนแลนด์กำลังประสบปัญหาใหญ่ เพราะมหาสมุทรทั่วโลกนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก การที่น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายได้ 10 ล้านล้านตัน ซึ่งจะทำให้น้ำทะเลเพิ่มระดับขึ้น 1 นิ้วนั้น แต่ก่อนจะใช้เวลานานเป็นร้อยปี แต่นับตั้งแต่ปี 1992 จนถึงตอนนี้ แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกละลายไปแล้วเกือบ 5 ล้านล้านตัน และทำให้น้ำทะเลเพิ่มระดับขึ้นครึ่งนิ้วภายในระยะเวลาเพียง 20 ปีเท่านั้น

ทั้งนี้ สำหรับสาเหตุที่ทำให้น้ำแข็งทั่วโลกละลายดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าเป็นเพราะภาวะโลกร้อน ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศของโลกที่เป็นเกราะป้องกันความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้ชั้นบรรยากาศบางลง และโลกยิ่งร้อนขึ้นทุกวันนั่นเอง


ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/79185

พายุหิมะถล่มรัสเซีย รถติดยาว 200 กิโลเมตร บนทางหลวง

พายุหิมะถล่มรัสเซีย รถติดยาว 200 กิโลเมตร บนทางหลวง




พายุหิมะถล่มรัสเซีย รถติดยาว 200 กิโลเมตร บนทางหลวง

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า รัสเซียเผชิญหิมะตกหนักตั้งแต่วันศุกร์จนถึงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา จนหิมะปกคุลมถนนหนาถึง 1 เมตร ส่งผลให้จราจรติดขัดอย่างหนักบนทางหลวงสาย M 10 ที่เชื่อมระหว่างมอสโคว์ และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร แต่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว หลังทางการรัสเซียออกมาพยายามเคลียร์ทางให้รถวิ่งได้ส่วนหนึ่ง

โดยเจ้าหน้าที่ในเมืองตเวียร์ เปิดเผยว่า บรรดาผู้ขับขี่รถยนต์และรถบรรทุกที่ต้องผจญกับรถติด ซึ่งบางรายต้องติดค้างอยู่บนถนนสายนี้เป็นวันที่สาม พวกเขาต้องช่วยกันทำอาหารกินเองกันข้างทาง ทั้งนี้ คนขับรถบรรทุกคนหนึ่งได้เปิดเผยผ่านรายการทีวีว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควร ปั๊มน้ำมันหลายแห่งไม่มีน้ำมันเหลือแล้ว ร้านอาหารริมทางโก่งราคา แม้กระทั่งน้ำเปล่า เหมือนพวกเขาต้องมาติดแหงกอยู่ที่นี่โดยไม่มีอะไรเลย

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีดิมีทรี เมดเตเยฟของรัสเซีย ได้สั่งการให้แก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน โดยมีความพยายามกวาดหิมะที่ปกคลุมหนาออกไปได้หมดแล้วในช่องทางจราจร 1 ช่องของถนนฝั่งขาเข้าและขาออก แต่การจราจรก็ยังติดขัดอยู่บ้าง รถบรรทุกสามารถวิ่งด้วยความเร็วเพียง 5-10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 13.5 ชั่วโมง จึงจะผ่านเส้นทางนี้ไปได้ ขณะเดียวกันทางการได้จัดตั้งจุดพักพิงฉุกเฉินเพื่อให้บริการคลายหนาว และแจกจ่ายอาหารปรุงสุกร้อน ๆ และบริการโทรศัพท์สายด่วนคลายทุกข์ให้กับผู้ขับขี่ที่เผชิญความเครียดจากปัญหารถติด


ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/79184

บทความที่ได้รับความนิยม