วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

คำทำนายอวสานโลก

คำทำนายอวสานโลก


ฮือฮาไม่ใช่เล่น เมื่อมีการเปิดปูมจดหมายของ เซอร์ ไอแซค นิวตัน บิดาแห่งฟิสิกส์และดาราศาสตร์ยุคใหม่ ที่ทำนายว่าโลกจะถึงกาลอวสานในปี 2060 หรืออีก 53 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นเวลาที่การวางรากฐานของอาณาจักรโรมันในยุโรปตะวันตก เวียนมาครบ 1,260 ปีไม่มีใครบอกได้ว่าคำทำนายดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่ หรือถ้าเป็นจริง คนที่มองโลกในแง่ดีสุดขีด โดยเฉพาะในรายที่ย่างเข้าเลข 2 แก่ๆ แล้ว คงไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ถึงป่านนั้น แหม...มันตั้งอีก 50 กว่าปีเชียวนะการทำนายทายทักถึงวันอวสานของโลกมีมากมายหลายทฤษฎี เชื่อได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ขึ้นอยู่กับว่าใช้หลักการหรือศาสตร์ใดมาสนับสนุนคำทำนายทฤษฎีที่โด่งดังมากสุดคงต้องยกให้กับคำทำนาย ที่ว่า โลกบูดเบี้ยวใบนี้จะแตกดับในวันที่ 21 ธ.ค. 2012

หรืออีกแค่ 5 ปีข้างหน้า...ด้วยชุดเลขสวย 212012ทฤษฎีนี้คิดค้นขึ้นโดยชนเผ่ามายัน วันดังกล่าวถือเป็นวันสิ้นสุดปฏิทินลอง เคาต์ (Long Count) หรือ ปฏิทินลำดับที่ 3 ของชาวมายัน โดยปฏิทินลอง เคาต์ เล่มล่าสุดนั้น เริ่มต้นในปี 3114 ก่อนคริสตกาล และจะดำเนินต่อเนื่องเป็น 13 รอบบักตุน (baktun) กินเวลาทั้งสิ้นราว 5,126 ปี บวกลบออกมาแล้วก็ตรงกับปี 2012 พอดิบพอดีการเริ่มต้นของ 13 รอบบักตุน เรียกได้อีกอย่างว่า “อาทิตย์ดวงที่ 5” ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะเวียนมาบรรจบเพื่อก่อกำเนิดดวงอาทิตย์ครบ 5 ดวง ในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 โดยคำทำนายระบุเอาไว้ว่า ในวันนั้นโลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร ไล่เรียงตั้งแต่ภัยธรรมชาติที่จะทำลายทุกสิ่งไปจนถึงสงครามอภิมหาโลกาวินาศจนไม่มีมนุษย์คนใดมีชีวิตรอด ซึ่งอย่างหลังนี้อาจเชื่อมโยงได้กับทฤษฎีสงครามโลกครั้งที่ 3 ของนอสตราดามุส โหราจารย์ชื่อก้องสถานการณ์น่าระทึกในวันอวสานโลกข้างต้นตามจินตนาการของ อง โคลด โคเวน นักเขียนหนังสือแนวอภิปรัชญาชาวฝรั่งเศส บรรยายว่า ให้นึกถึงภาพตัวเองอยู่ในสถานีรถไฟอันแออัดตอนเช้า แล้วทันใดนั้นก็เกิดเหตุโกลาหลครั้งใหญ่ทั้งธรรมชาติแปรปรวนและระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรเครื่องยนต์ต่างๆ ขัดข้อง จนเป็นเหตุให้ขบวนรถไฟในชานชาลาพากันวิ่งออกไปคนละทิศ คนละทาง คล้ายกับซี่วงล้อเกวียนในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนั้นยังกดดันให้คุณจำเป็นต้องเลือกขึ้นรถไฟสักขบวน อย่างน้อยก็ยังรอดจากการโดนรถไฟทับตาย แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่คุณไม่มีทางรู้เลยว่า รถไฟขบวนที่หลับหูหลับตาขึ้นไปนั้นจะพาคุณไปไหน?น่าแปลกที่นอกจาก 212012 จะเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินชนเผ่ามายันแล้ว

ยังมีข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่ระบุไว้ว่า จะเกิดพลังงานลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล โดยในเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในช่วง ฤดูหนาวของปี 2012 นั้น ดวงอาทิตย์จะอยู่ในระนาบเดียวกับใจกลางของทางช้างเผือกเป็นครั้งแรกในรอบ 2.6 หมื่นปี ซึ่งหมายความว่า พลังงานทุกประเภทจากใจกลางของทางช้างเผือกจะถาโถมและเกิดการปะทะกับพลังงานทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นของโลกในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 เวลา 23.11 น. (11.11 pm ตามเวลาสากล)

สมมติว่า มีมนุษย์เหลือรอดบนโลก ก็ไม่อาจรู้ว่าจะจำตัวเองได้หรือไม่ เนื่องจากพลังงานทั้งหลาย แหล่ข้างต้นจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ ดีเอ็นเอ นำมาซึ่งการกลายพันธุ์ หรือสรุปคร่าวๆ ได้ว่า ถึงตอนนั้นโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง คนที่รอดต้องดิ้นรนสร้างสิ่งต่างๆ นับจากศูนย์นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ชี้ว่า ปี 2012 คือปีที่ซูเปอร์โวลคาโน หรือภูเขาไฟใต้น้ำครบกำหนดเวลา 7.4 หมื่นปีที่จะทำลายหรือระเบิดตัวเอง โดยสัญญาณเตือนภัยครั้งล่าสุด คือ โศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2004 ที่บอกให้ชาวโลกรู้ว่า โครงสร้างพื้นผิวโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการระเบิดของซูเปอร์โวลคาโนอาจไม่ใกล้ไม่ไกลบริเวณที่เคยเกิดสึนามิมาก่อนและเป็นที่น่าสังเกตว่า ระยะหลังมานี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหว ดินถล่ม และน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบเหือดแห้งบ่อยครั้งทั่วโลก เป็นไปได้ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าโครงสร้างของพื้นผิวโลกกำลังขยับและเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัวอีกหนึ่งทฤษฎียิ่งน่าสะพรึงกลัวเข้าไปอีก

เมื่อมีการย่นระยะเวลาอวสานของโลกให้ใกล้เข้ามามากกว่านั้น โดยกลุ่มเชิร์ช ออฟ เดอะ ซับจีเนียส ก่อตั้งโดย เจ.อาร์.บ็อบ ด็อบบ์ส ทำนายว่า จุดจบของโลกจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.ค. หรืออีกไม่กี่วันข้างหน้าเชิร์ช ออฟ เดอะ ซับจีเนียส เป็นลัทธิแนว โพสต์โมเดิร์น (เชื่อเรื่อง Scientology แบบเดียวกับ ทอม ครูซ) และเป็นกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มที่เสียดสีความเชื่อทางศาสนา ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มไซอันโตโลจี, ยูนิฟิเคชัน เคิร์ช หรือกลุ่มที่เกลียดการแบ่งแยกเชื้อชาติ นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กร ด็อบบ์ส ได้ประกาศว่า กองทัพจานบินนอกโลกจะยกขบวนมาถล่มโลกช่วงต้นเดือน ก.ค. โดยจะทำลายล้างทุกคนที่ต่อต้านลัทธิเชิร์ช ออฟ เดอะ ซับจีเนียส ขณะที่นักบวชหรือสาวกของกลุ่มจะได้ร้บการช่วยเหลือให้พ้นจากภัยพิบัติดังกล่าวในเว็บไซต์ของ เชิร์ช ออฟ เดอะ ซับจีเนียส ได้มีการเชิญชวนให้บรรดาสาวกมาร่วมกันเตรียมพร้อมกับวันอวสานโลก โดยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของวันสิ้นโลกนั้น ทางกลุ่มจะจัดคอนเสิร์ตร็อกและประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของกลุ่ม ที่นครนิวยอร์ก ของสหรัฐอย่างไรก็ดี ด้านนักวิทยาศาสตร์บางรายกลับมองว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกจะเป็นภัย คุกคามที่ย้อนกลับมาทำลายล้างมนุษยชาติเองในท้ายที่สุด โดยในบทความเรื่อง “วันสิ้นโลก” ของไมเคิล แฮนลอน ในเว็บไซต์เดลี เมล์ ระบุว่า วันสิ้นโลกที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้มาจากการระเบิดครั้งใหญ่ของโลกตามคำทำนายใดๆ ทั้งสิ้น ทว่า กลับเป็นภัยเงียบที่ก่อตัวมานาน ที่มนุษย์กลับไม่เคยใส่ใจหรือรู้สึกต่างหากย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 1990 ที่คอมพิวเตอร์ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและเป็นจุดกำเนิดของการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ หลังจากนั้น โลกเราได้รู้จักอินเทอร์เน็ตและสามารถคิดค้นเครื่องจักรและหุ่นยนต์ ที่มีศักยภาพทัดเทียมหรือเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที และช่วงศตวรรษที่ 20 ได้เกิดปรากฏการณ์เครื่องจักรที่เคยถูกสร้างเพื่อเป็นทาสรับใช้ ผันตัวเองมาเป็นผู้ควบคุมมนุษย์โลก และจุดจบของโลกจะเริ่มขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค. 2065 ที่บรรดาหุ่นยนต์อันชาญฉลาดได้หันมาเปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นบ้านใหม่สำหรับพวกมัน และเริ่มเข้ามาควบคุมมนุษย์โลก จนในช่วงปลายศตวรรษเดียวกัน มนุษย์นับพันล้านคนต้องขาดแคลนอาหาร และในท้ายที่สุดในปี 2100 ต้องผันตัวเองกลับไปใช้ชีวิตในถ้ำอย่างในอดีต

ขณะที่เมืองต่างๆ ก็ตกเป็นของเหล่าเครื่องจักรที่มนุษย์สร้างขึ้นนั่นเองอย่างไรก็ดี ไม่ว่าคำทำนายทุกรูปแบบจะน่าสะพรึงกลัวสักเท่าใด ก็ไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่า เวลานี้โลกของเราอาการหนักจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อนที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือแม้แต่เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเกินไปจน ทำให้หลายชาติอยากแสดงแสนยานุภาพของตัวเองเต็มแก่หากโลกไม่แตกอย่างคำทำนาย ก็คงมีสักวันที่ต้องล่มสลายตามอายุขัย เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเคยทำนายเลยว่า จริงๆ แล้วโลกมีอายุยืนยาว กี่ปีกันแน่?

แผนที่โลกใหม่ - น้ำท่วมโลกจริงหรือ?
จากข่าวที่ออกมาทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ ในเรื่องของแผนที่โลกใหม่(ภาพจากหนังสือพิมพ์ ) ที่แสดงให้เห็นภาพน้ำท่วมโลกจนบางส่วนหายไปจากแผนที่ จากที่รายการ "2001 ตามไปดู" ได้ติดตามเอาเรื่องราวมาออกทางโทรทัศน์ ทำให้ทำได้ทดลองค้นหาที่มาโดยการใช้ Yahoo ค้นหาตามวิธีของทางรายการ แล้วก็ได้พบกับ Web Site ต้นฉบับ จึงได้นำต้นฉบับมาให้ดูกันพร้อมข้อมูลพอสมควร อย่างไรตามขอให้ใช้วิจารณญาณกันด้วยนะครับอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ(ให้ถือหลักกลามสูตร 10 คือไม่เชื่ออะไรง่ายๆด้วยเหตุ 10 ประการ) ยิ่งในช่วงนี้ใกล้ปี 2000 เข้ามาทุกทีก็ยิ่งมีข่าวลือมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเชื่อทุกเรื่องกว่าจะถึงปี 2000 คงหัวใจวายตายเสียก่อน ตาม Web ต้นฉบับเน้นว่าเหตุการณ์น้ำท่วมโลกจะเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดและแผ่นโลกเคลื่อนมากกว่า เกิดจากน้ำแข็งละลายซึ่งทุกวันนี้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1 องศาใน 20 ปี ทำให้น้ำแข็งละลายและน้ำทะเลสูงขึ้นปีละ1 เซนติเมตร ซึ่งหากเกิดน้ำท่วมโลกจากน้ำแข็งละลายจริงคนค่อยอพยพถอยร่นไปได้ทันแน่ๆ

ผู้ที่ทำแผนที่ขึ้นมาคือนาย Gordon-Michael Scallion มี Web Site ชื่อว่า earthchanges.com นายคนนี้แกเป็นผู้หยั่งรู้อนาคต (futurist) มีญาณทัศนะ(Spiritual Visionary) คือมองเห็นอนาคตด้วยญาณ มีความแม่นยำมาก(ตามที่ Web site ของแกกล่าวอ้าง) จบการศึกษาท่างด้านอิเลคทรอนิคส์(ไม่ได้บอกว่าระดับไหน) ในปี 1979 เคยเกือบตายมาแล้วแต่กลับฝื้นขึ้นมาได้ในที่ หลังจากนั้นก็พบว่าได้รับพรสวรรค์ในเรื่องของการหยั่งรู้อนาคต โดยบางสิ่งที่เขาทำนายถูกต้องก็ได้แก่ เหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหวใน ลอสแองเจอริส แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2535, แผ่นดินไหวใน แลนเดอร์ส (Landers) และ บิกเบียร์ (Big bear) แคลิฟอร์เนีย เมื่อ 17 มกราคม 2537 และแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2538 เป็นต้น

แผนที่นี้ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) นาย Gordon ได้มองเห็นภาพอนาคตของโลกเป็นครั้งแรก โดยก็มองเห็นตัวเอง อยู่สูงขึ้นไปในอวกาศแล้วมองกลับลงมาบนโลก หลังจากนั้นอีกหลายปีก็เห็นภาพเดิมอีกครั้ง ทำให้เข้าสามารถสร้าง แผนที่โลกในอนาคตขึ้นมาและพิมพ์ในปี พ.ศ.2525 โดยนาย Grodon เชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012(พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) โดยเหตุการณ์จะเกิดจากต้นเหตุสำคัญคือแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดอันเนื่องมาจาก แผ่นทวีปของเปลือกโลกเคลื่อน โดยสภาพการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในแต่ละพื้นที่ดังนี้

เอเชีย -- เนื่องจากมีวงแหวนไฟ(Ring of Fire)ผ่าน Asia (แนวเขตรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก(Plate boundary) โดยส่วนแนวเขตนื้เรียกว่า riff ) ทำให้เป็นเขตเกิดแผ่นดินไหวสูง ยังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเขตนี้ โดยจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่ ฟิลิปปิน ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่ง(เป็นช่องแคบอยู่ระหว่างรัฐอะแลสกา กับรัสเชีย) รวมทั้งหมู่เกาะคูรินและเกาะแซคาลิน(เป็นของรัสเชีย อยู่ใกล้กับ ฮอกไกโด ญี่ปุ่น) เนื่องมาจากแผ่นแปซิฟิกเคลื่อน(Pacific Plate shift)ไป 9 องศา เกาะญี่ปุ่นจะจมเหลือไวเพียงแค่ 2-3 เกาะเล็กๆเท่านั้น ไต้หวัน และเกาหลีส่วนใหญ่จะหายไปในทะเล และด้วยเหตุที่แผ่นโลกเคลื่อนตัวนี้ แนวฝั่งของจีนจะเลือนร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์ อินโดนีเซียจะถูกทำลาย ถึงแม้ว่าจะมีเกาะใหม่เกิดขึ้นมาด้วยก็ตาม ฟิลิปปินส์จะถูกกลืนหายลงไปในทะเล เอเซียจะได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ และจะมีแผ่นดินใหม่เกิดขึ้นด้วย สิ่งที่ความพิจารณาจากคำทำนายนี้ก็คือ เอเชียอยู่บน 3 แผ่นทวีปคือ 1.แผ่นฟิลิปปิน 2.แผ่นอินโด-ออสเตรเลียน 3.แผ่นยูเรเซียน(ไทย - จีน อยู่บนแผ่นนี้) บริเวณที่ไทยและจีนอยู่เป็นเขตแผ่นดินยกตัวดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงขึ้นจริงน่าจะเป็นไปในทางที่ทำให้แผ่นดินยกตัวสูงขึ้นมากกว่า โดยที่แผ่นแปซิฟิกที่ว่าเคลื่อนไป 9 องศานั้น ทิศทางการเคลื่อนที่ตามปกติก็จะเคลื่อนที่ในทิศทาง มุดตัวลงใต้แผ่นทวีป ยูเรเซียน บริเวณ ประเทศญี่ปุ่นและมุดตัวลงใต้แผ่นฟิลิปปิน และ แผ่นอินโด-ออสเตรเลียนมุดตัวใต้แผ่นยูเรเซียนบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งการมุดตัวดังกล่าวจะทำให้ทวีปยกตัวขึ้น ข้อพิสูจน์นี้ก็ได้แก่ที่ราบสูงทิเบต เทือกเขาหิมาลัย และ อีสานของไทย ซึ่งถูกยกตัวสูงขึ้นจากเมื่อ 60-20 ล้านปีก่อน สำหรับในส่วนของประเทศอื่นๆขออนุญาตไม่วิจารณ์นะครับ แต่จะเอามาให้ดูและคิดกันเอาเอง

ออสเตรเลีย -- จะสูญเสียแผ่นดินไปประมาณ 25 เปอร์เซ็น จากน้ำท่วนชายฝั่นทั้งหมด ยกเว้นจะเกิดแผ่นดินบริเวณช่องแคบบาสส์เชื่อมเข้ากับเกาะทาสเมเนีย และเกิดแผ่นดินใหม่ขึ้นนอกชายฝั่ง

นิวซีแลนด์ -- นิวซีแลนด์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น บางส่วนจะเชื่อมเข้ากับแผ่นดินเก่าออสเตรเลีย ทั้งสองแผ่นดินจะเชื่อมต่อเป็นแผ่นดินเดียวกันด้วยคอคอด ทั้งนี้เกิดจากการยกตัวขึ้นของแผ่นดินและการระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งจะทำให้นิวซีแลนด์เดิมกลายเป็นตินแดนห่างไกลจากทะเล

แอฟริกา -- จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน แม่น้ำไนส์จะกว้างขวางกว่าเก่ามาก ต้วยทิศทางของแม่น้ำไนส์เส้นทางใหม่จะวิ่งจากทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยมตรงปากแม่น้ำไนส์ผ่านพื้นที่ประเทศซูดาน เส้นทางสายน้ำใหม่ของแอฟริกาจะเหมือนตัว "Y" วางอยู่บนทวีป โดยมีฐานตั้งในแนวตั้งอยู่บนเมืองเคปทาวน์(ต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ที่เคปทาวน์) ทะเลแดงจะขยายกว้างออกทำให้ ไคโรจมหายไปในทะเล เกาะมาดากัสการ์เกือบทั้งหมดจะจมลงในทะเล เกิดแผ่นดินใหม่ในทะเลอาหรับ บริเวณตอนใต้ของโอมาน และจะมีแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทางเหนือและตะวันตกของเคปทาวน์ ทะเลสาบวิคทอเรียจะรวมเข้ากับทะเลสาบนยาซาใหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย

อเมริกาใต้ -- เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกเกิดขึ้นอย่างมาก รวมถึงแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ผลกระทบครอบคุมไปทั่ว เวนิซูเอลา โคลัมเบีย และบราซิล จะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ลุ่มน้ำอะเมซอนจะกลายเป็นทะเลใน(ทะเลปิดอยู่ภายในแผ่นดินเหมือนทะเลสาปสงขลา) เปรูและ โบลิเวีย จะถูกน้ำท่วม ซานวาดอร์ เซาเปาโล ริโอดอร์จาเนโร และบางส่วนของ อุรุกรัย จะจมหายไปในทะเล เหมือนกับ หมู่เกาะฟอล์คแลนด์ และเกิดทะเลปิดอีกแห่งที่ตอนกลางของประเทศเาร์เจจนตินา เกิดแผ่นดินขนาดใหญ่ขึ้นทางตะวันตกของทวีปแถวชิลีรวมทั้งทะเลปิดอีกแห่งด้วย

แคนาดา -- อ่าวฮัทสันจะขยายตัวออกเป็นทะเลปิดภายในแผ่นดิน บางส่วนของตะวันตกเฉียงเหนือจะถอยร่นเข้ามาในแผ่นดิน 200 ไมล์ พื้นที่ในควิเบก ออนตาริโอ มานิโตบา ซาาสแกนเซวัน แอลเบอร์ตา จะกลายเป็นศูนย์กลางผู้ที่รอดพ้นหายนะระหว่งการเปลี่ยนแปลงในตอนต้น ผู้อพยพจะมาจาก บริติสโคลัมเบีย และ อะลาสกา

สหรัฐอเมริกา -- การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้จะเริ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาก่อน โดยแผ่นทวีปอเมริกาเหนือเกิดการโก่งตัว สร้างหมู่เกาะแคลิฟอร์เนียขึ้น 150 เกาะ ในที่สุด จากขบวนการเพลทเทคโทนิก(tectonic plate-ขบวนการที่ทำให้แผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งมุดตัวลงไปใต้อีกแผ่นหนึ่ง) ซึ่งทำให้เกิกแนวโก่งตัวและรอยแยกซึ่งก่อให้เกิดอุทกภัยทำให้ ฝั่งทะเลด้านตะวันตกหดลงไปทางตะวันออกสู่รัฐเนเบรสกา ไวโอมิงและ โคโลราโด ทะเลสาบ เกรทเลค(ประกอบด้วยทะเลสาบสุพิเรียม,ฮุรอน,มิชิแกน,อิรีและออนแตริโอ) และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์จะเชื่อมต่อเข้ากับแม่น้ำมิสซิสซิป ไหลลงสู่อ่าวแมกซิโก

แมกซิโก -- แนวชายฝั่งของแมกซิโกจะถูกน้ำท่วมเข้ามาถึงในแผ่นดิน คาปสมุทรแคลิฟอร์เนีย จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ ส่วนใหญ่ของยูคาทาน พีนิซูลาจะหายไปในทะเล ภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหวจะเกิดต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ศตวรรษ

อเมริกากลางและคาริเบียน -- อเมริกากลางจะเกิดอุทกภัยและมีจำนวนเกาะลดน้อยลง ที่สูงกว่า 500 เมตรเท่านั้นที่ปลอดภัย จะมีเส้นทางน้ำใหม่เกิดขึ้นจากอ่าวฮอนดูรัสไปออกที่ เอลซัลวาดอร์ ส่วนคลองปานามาจะกลายเป็นคลองตัน

ยุโรป -- ตอนเหนือของยุโรปส่วนใหญ่จะจมลงสู่ทะเลซึ่งเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก(ด้วย tectonic plate) นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และเดนมาร์ค จะถูกน้ำท่วม ทิ้งไว้เพียง เกาะเล็กๆนับร้อยเกาะ ส่วนใหญ่ของสหราชอาณาจักร จากสกอต์แลนด์ถึงช่องแคบจมหายไปในทะเล เหลือเพียง 2-3 เกาะเล็กๆขนาดประมาณหมู่เกาะเซตแลนด์(อยู่ทางตอนเหนือของเกาะอังกฤษ) ลอนดอนและเบอร์มิงแฮมจะเหลือกลายเป็นเกาะ อิรีแลนด์จะจมลงทะเลยเว้นที่สูงเท่านั้น
รัสเซีย จะแยกออกจากยุโรป โดยเกิดเป็นทะเลขนาดใหญ่แห่งใหม่โดยรวมเอาทะเลแคสเบียน ทะเลดำ ทะเลาคารา ทะเลบอสติก เข้าด้วยกัน ทะเลใหม่ซึ่งแบ่งถูกแบ่งโดยเทือกเข้าอูราล จะยืดยาวไปจดแม่น้ำเยนิเซในไซบีเรีย ทำให้มีอุณหภูมิอบอุ่นขึ้นและเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ให้กับยุโรป ทะเลดำจะรวมกับทะเลตอนเหนือทิ่งบัลแกเรียและโรมาเนียไว้ใต้น้ำ ดินแดนตั้งแต่โปแลนด์จนถึงตุรกีจะได้ความไม่สงบครั้งยิ่งใหญ่ สงครามศาสนาจะอุบัติขึ้น และจบลงด้วยความบริสุทธิ์ของแผ่นดินโดยไฟและน้ำ ตุรกีด้านตะวันตกจะจมอยู่ในน้ำเกิดแนวชายฝั่งใหม่จาก อีสตันบูลถึงไซปรัส ส่วนใหญ่ของยุโรปกลางจะถูกน้ำท่วม แผ่นดินส่วนใหญ่ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลบอลติกจะสูญหาย ส่วนใหญ่ของสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่สองจมลงสู่ใต้ทะเล ก่อให้เกิดเกาะเล็กๆขึ้น

ฝรั่งเศสส่วนใหญ่จมน้ำ เหลือไว้แค่เกาะในบริเวณกรุงปารีส ทางน้ำใหม่จะแยกสวิสเซอร์แลนด์ออกจากฝรั่งเศส อิตาลีจะจมน้ำ เวนิส,เนเปิล,โรม และ เจนัวจะถูกกลืนลงทะเล แต่นครรัฐวาติกันจะปลอดภัยเนื่องจากย้ายไปอยู่ที่สูงกว่า แผ่นดินที่สูงๆจะคงเหลือเป็นเกาะ แผ่นดินใหม่จะเกิดขึ้นทอดยาวจากเกาะซิซิลีจนถึงเกาะซาร์ดิเนีย

ที่มา
http://mrkflyman.blogspot.com/2007/08/blog-post.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม