วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ค้นหาอารยธรรมต่างดาว


สองเดือนก่อนหน้านี้ มีข่าวองค์การนาซาส่งยานที่เป็นหุ่นยนต์สำรวจชื่อ Curiosity
ยานนี้มีขนาดและน้ำหนักพอๆกับรถอีโคคาร์ไปลงบนดาวอังคาร ยานสำรวจที่วิ่ง ได้เหมือนรถยนต์หลายล้อคัน ดังกล่าวจะทำงานเป็นห้องแล็บในตัว เพื่อค้นหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตขนาดจุลินทรีย์บนดาว
เคราะห์สีแดงดวงนี้ แต่จากข้อมูลที่ได้รับตลอดเวลาที่ผ่านมายังไม่ปรากฏข้อมูลที่จะบอกให้เห็นว่า
ดาวอังคารมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ หรือเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่หรือขนาดที่ตามองไม่เห็น


หุ่นยนต์สำรวจ Curiosity.


อย่างไรก็ตาม งานของยาน Curiosity ยังถือว่าแค่เริ่มต้น และพื้นที่ของการสำรวจก็ยังแคบมาก
เมื่อเทียบกับขนาดของดาวเคราะห์ทั้งดวง ถ้าหากมันพบอะไรอย่างที่นักวิทยาศาสตร์ของนาซาคาดหวังในเวลาเพียงเดือนสองเดือน ก็คงฟลุกยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ร้อยใบพร้อมกันในคราวเดียว


ชีวิตบนดาวอื่นอาจคล้ายหรือต่างจากบนโลกเราอย่างสิ้นเชิงก็ได้.
อีกแง่คิดหนึ่งคือ เครื่องมือตรวจวัดต่างๆที่ติดตั้งไปกับหุ่นยนต์ตัวนี้ ก็เป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นจากพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและองค์ประกอบที่สำคัญต่างๆ ที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ความรู้มาจากการเรียนรู้บนโลกใบนี้ ดังนั้น ถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ตามองไม่เห็นของดาวอังคารจะมีอยู่เต็มไปหมด แต่ถ้ามีองค์ประกอบของชีวิตที่แตกต่างไปจากที่มีบนโลกเรา เครื่องมือเหล่านั้นก็ไม่น่าจะตรวจหาพบได้ง่ายๆ


ทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนได้รับการสอบถามเข้ามาบ่อยครั้งถึงความเชื่อที่ว่า มนุษย์เรานั้นมาจากดาวดวงอื่น พูดง่ายๆคือ พวกเราเป็นเชื้อสายของมนุษย์ต่างดาวที่มายังโลกนี้เมื่อหลายหมื่นปีมาแล้วนั่นเอง

ซึ่งขอตอบว่าทั่วโลกมีคนที่เชื่อแนวคิดอยู่มากมาย โดยคนเหล่านี้ยกเหตุผลและหลักฐานมาประกอบไว้หลากหลาย เช่น สิ่งก่อสร้างโบราณขนาดใหญ่ต่างๆที่ยังไม่มีคำตอบว่ามนุษย์ยุคนั้นสร้างขึ้นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นพีระมิดและสิ่งก่อสร้างจำนวนมากของอียิปต์ ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร เทคนิคการตัดหินขนาดใหญ่จนได้ ความเรียบและเหลี่ยมมุม ซึ่งน่าจะเกินกว่าที่ความสามารถของมนุษย์ยุคนั้นจะทำได้


ภาพอายุนับหมื่นปีบนผนังถ้ำในอิตาลี คล้ายกับมนุษย์อวกาศ.

ที่ทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ก็มีสิ่งก่อสร้างโบราณขนาดใหญ่ของชนพื้นเมืองจำนวนมาก เช่นที่ เมืองติฮัวนาโช และกองหินโบราณพูมา พันกู (Puma Punku complex) ของชาวอินคา ที่ประเทศโบลิเวีย ซึ่งมีแผ่นหินขนาดใหญ่จำนวนมากที่เรียบราวกับตัดด้วยเลเซอร์ บางก้อนหนักนับร้อยตัน
กำแพงหินประหลาดที่เมืองออลลันเตเตมโบ (Ollan taytambo) ประเทศเปรู ซึ่งเป็นการตัดหินก้อนใหญ่ๆแบบมีเหลี่ยมมุมไม่ธรรมดามาเรียงกันได้สนิทอย่างไม่น่าเชื่อ
หรือพีระมิดที่ชิเชนอิตซา (The Pyramid at Chichen Itza) ของชาวมายา ในประเทศเม็กซิโก
ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ย้อนกลับไปที่ทวีปยุโรป ประเทศตุรกี ก็มีสิ่งก่อสร้างอายุราว 9,500 ปีก่อนคริสตกาล หรือราว 11,500 ปี ถ้านับปีปัจจุบัน ที่เรียกว่าโกเบคลี เทเป (Gobekli Tepe) ซึ่งคนในยุคนั้นโดยทั่วไปยังอาศัยอยู่ตามถ้ำกัน


ฝีมือการตัดหินที่พูมา พันกู เรียบเฉียบจนไม่น่าเชื่อ.


การสำรวจในอวกาศด้วยมนุษย์นั้นยากและมีอันตรายมาก.


และยังมีของชิ้นเล็กๆที่เรียกว่า กลไกแห่งแอนติไคเธร่า ซึ่งเป็นกลไกที่ประกอบไปด้วยฟันเฟืองจำนวนมาก ทำด้วยสำริด วัดอายุได้ว่าอยู่ในยุคกรีกโบราณ แม้ว่าความรู้ด้านนวัตกรรมและคณิตศาสตร์การคำนวณต่างๆของชาวกรีกยุคนั้นจะมีสูงพอสมควร แต่ก็ไม่พบหลักฐานชิ้นอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายกันกับกลไกที่ว่าเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และยังมีเมืองใต้น้ำขนาดมโหฬารอีกหลายเมืองที่มีอายุหลายพันปี
อย่างที่แคมเบย์ อินเดีย เมืองใต้น้ำโยนากูนิ ที่ญี่ปุ่น และเมืองใต้น้ำนอกชายฝั่งคิวบา
ที่ประเมินอายุเก่าแก่ได้มากกว่าหนึ่งหมื่นปีล้วนแต่เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากว่าคนยุคนั้น ทำได้อย่างไร?


กลไกแห่งแอนติไคเธร่า.


ในอดีตที่ผ่านมามีการบันทึกถึงการมาเยือนของมนุษย์จากดาวอื่นๆไว้มาก ไม่ว่าจะเป็นการพบยาน UFO ในที่ต่างๆ บ้างก็บอกว่าเคยถูกมนุษย์ต่างดาวเอาตัวไปโดยแสงประหลาด ที่เป็นเรื่องเป็นราวและมีภาพที่ดูเหมือนจริงหลุดออกมาสู่ภายนอกก็คือ เรื่องยานจากนอกโลกมาตกในทะเลทรายของเมืองรอสเวลส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1948 ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯก็เข้าไปเก็บหลักฐานต่างๆไปจนหมด


ภาพการชันสูตรมนุษย์ต่างดาวของเรย์ ซานติลี.

ว่ากันว่ายานที่ตกลงมานั้นพบร่างของมนุษย์ต่างดาวอยู่ด้วย ต่อมาในปี ค.ศ.1995 เรย์ ซานติลี นักสร้างภาพยนตร์คนหนึ่ง ได้นำภาพยนตร์การชันสูตรศพมนุษย์ต่างดาวซึ่งพบในจุดยานตกที่รอสเวลส์ที่ถ่ายด้วยกล้อง 16 มม. ความยาวกว่า 90 นาที มาเปิดเผยต่อสาธารณะ เรย์อ้างว่าเมื่อปี ค.ศ.1992 เขาซื้อฟิล์มนั้นมาจากช่างภาพของกองทัพอากาศผู้หนึ่ง สถานที่ถ่ายอยู่ที่ค่ายทหารในเมืองฟอทเวิร์ธ รัฐเท็กซัส (ภายหลังรัฐบาลสหรัฐฯ
ออกมาแก้ข่าวว่า สิ่งที่ตกที่รอสเวลส์นั้นคือบอลลูนตรวจอากาศหาใช่ยานอวกาศไม่)


ภาพสลักของอียิปต์ ดูคล้ายอากาศยาน.


ยังมีหลักฐานที่เป็นวัตถุโบราณอีกจำนวนมากที่เชื่อมโยงถึงการมาของมนุษย์ต่างดาวในอดีต เช่น ภาพแกะสลักยานอวกาศที่มีรูปร่างทันสมัยหลายลำในวิหารเซติที่ 1 ในอียิปต์ ซึ่งมีอายุหลายพันปี วัตถุโบราณอายุนับพันปีที่พบในโคลอมเบียทำด้วยทองคำมีปีกและหางรูปร่างเหมือนเครื่องบินเจ็ตในสมัยนี้ ยานวิมานที่มีการกล่าวถึงในคัมภีร์สันสกฤตโบราณของอินเดียว่าสามารถใช้เดินทางไปไหนมาไหนได้ทางอากาศ และยังบินออกไปนอกโลกหรือลงไปในน้ำได้ด้วย นอกจากนั้น ยังมีภาพวาดบนผนังของมนุษย์ยุคโบราณที่ดูเหมือนมนุษย์อวกาศอีกหลายต่อหลายแห่ง หลายภาพเป็นภาพที่มีดวงดาวกลุ่มหนึ่งปรากฏอยู่ด้วย ดูแล้วเป็นการสื่อความหมายคล้ายๆกัน ทั้งที่ภาพพวกนั้นต่างก็อยู่คนละจุดบนโลก!!



มีคำถามว่า ถ้ามนุษย์โลกสืบเชื้อสายมาจากมนุษย์จากดาวดวงอื่นจริง แล้วยานอวกาศที่ใช้เดินทางมาอยู่ที่ไหนล่ะ? ก็มีคำตอบว่า หลังจากมาอยู่บนโลกแล้วช่วงหนึ่ง ก็อาจเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่หรือเกิดโรคระบาดจนทำให้พวกเขาต้องอพยพกลับไป เหลือทิ้งไว้เพียงประชากรจำนวนมากบนโลกนี้เพราะอพยพไปได้ไม่หมด

นอกจากนาซาแล้ว นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากก็พยายามหาคำตอบอยู่ว่าในจักรวาลอันหาที่สุดไม่ได้นั้น ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่มีภูมิปัญญา มีเทคโนโลยีหรือไม่ เพราะเมื่อโลกเรานี้ยังมีมนุษย์อาศัยอยู่ บนดาวดวงอื่นจะไม่มีเลยเชียวหรือ โครงการเซติ หรือการค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว (Search for Extra-Terrestrial Intelligence - SETI) จึงเป็นกิจกรรมของนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่ง ที่พยายามค้นหาหลักฐานของการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่มีภูมิปัญญา โดยการเฝ้าระวัง และตรวจตราท้องฟ้า เพื่อตรวจจับการส่งสัญญาณจากอวกาศ ในรูปแบบของคลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ และแสง ที่อาจส่ง มาจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ในช่วงแรกโครงการได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่ปัจจุบันใช้ทุนจากเงินบริจาค


เมื่อวิทยาการพัฒนาขึ้น เราก็จะสำรวจดวงดาวได้ง่ายขึ้น.


โครงการเซติพยายามสร้างสมมติฐานเพื่อกำหนดกรอบการค้นหาให้แคบเข้า ทว่าการค้นหาแบบเฉพาะเจาะจงยังไม่ได้เริ่มขึ้นจนถึงปัจจุบัน หลังจากมีการค้นพบดาว kepler-22b ที่มีลักษณะและสภาพแวดล้อมแบบเดียวกับโลก คือโคจรในตำแหน่งคล้ายกับโลกรอบดาวฤกษ์ที่ใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์แล้ว ก็พบดาวอื่นๆ ตามมาอีกหลายดวงที่มีคุณสมบัติเหมือนๆกัน จากนี้ไปการค้นหาสิ่งมีชีวิตก็น่าจะง่ายขึ้นเพราะจะส่งสัญญาณตรงไปที่ดาวพวกนั้นได้เลย ปัจจุบันเซติได้สร้างเครือข่ายออกไปทั่วโลก

เรื่องการเดินทางไปในอวกาศเพื่อตามหาอารยธรรมต่างดาวและต้นกำเนิดของมนุษยชาตินั้นมีการสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Prometheus ซึ่งสร้างความฮือฮากับการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สำหรับตอนนี้หากต้องการรับชมก็ลองไปหา DVD มาดูกันได้ครับ


สักวันเราคงค้นพบที่มาของสรรพชีวิตบนโลก.
สักวันหนึ่งเมื่อความรู้ของเราพัฒนาขึ้นจนสามารถสร้างยานอวกาศที่มีสมรรถภาพเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสงได้ การที่มนุษย์จะออกไปเยือนดาวต่างๆในจักรวาลเพื่อหาคำตอบถึงจุดกำเนิดของมนุษย์และจักรวาล คงเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงเวลานั้นจินตนาการต่างๆที่เคยดูในภาพยนตร์อาจเป็นจริงขึ้นมาก็ได้.








ที่มา : http://www.thairath.co.th/column/life/sundayspecial/296471


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2012/10/blog-post_9.html#ixzz29FmWMkz8

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม